วันพุธ, กุมภาพันธ์ 29, 2555

'Bring it on' กับความหมายคำแปลที่เสียดแทง

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
ใครไปเที่ยวอเมริกา หรือเจอคนอเมริกันมาเที่ยวไทย  หรือว่าไปเรียนต่ออเมริกา คงต้องปวดหัวกับลักษณะบางอย่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน คือ  "บ้าสำนวน"  มีสำนวนคำพูดคำจา รวมทั้งแสลง ต่างๆ  มากมาย และเขาใช้กันจนชิน  เลยไม่คิดว่าคนต่างชาติต่างภาษาอย่างเราจะไปเข้าใจอะไรได้แบบนั้น


bring it on!
บริ้ง อิท ออน!

คำนี้เป็นตัวอย่างสำนวนการพูดที่ดีครับ เพราะเปิดดิคดูก็ไม่เข้าใจ

  "bring it on!"  แปลว่า   เอามาเลย ขนมาเลย มีฝีมือมีลีลา มีทีเด็ด หรือ มีอาวุธ มีพวก มีอะไรก็งัดออกมาซัดกันเลย มีลูกเล่น มีพวก มีพรรคพวกเหลือก็ขนมาออกมาสู้กัน ซัดกัน 

เป็นคำพูดที่เอาไว้สวนกลับ กับพวกคำท้า หรือคำขู่ ครับ

เซนส์ก็คือ ใครที่พูดว่า bring it on!  ออกไป ก็คือ คนพูดคำนี้ออกไป เขาไม่กลัว คู่แข่ง ปรปักษ์ คู่ความขัดแย้ง หรือศัตรูจะมาโต้ตอบ หรืองัดลูกเล่น หรือยกพวกมาลุย

เพราะ bring it on! ก็คือ .... เอามาเลย ขนมาเลย มาซัดกัน สู้กัน เพราะกรูไม่กลัว !

ตัวอย่างการใช้ก็เช่น

สะแด่วศรี:  นี่ ...ฉันจะฟ้องนังแพศยาอย่างแกให้ต้องอับอาย
ศาสตราพักตร์:  "ok, bring it on"  (เอาเลย  ฟ้องมาเลย) 

สมศักดิ์:  บริษัทจะลงโทษคุณทางวินัยในเรื่องนี้แน่นอน 
สมชวน :   Ok, just bring it on!  ( เอาเลย!   แน่จริงก็ทำเลย )


แต่ขอเตือนทิ้งท้ายไว้ว่า นี่เป็นคำแรง ในสถานการณ์แรง  ระลึกไว้เสมอว่า การใช้ประโยคนี้ออกไป อาจสร้างผลรุนแรงตามมาจากอีกฝ่ายได้ เพราะมันเป็นการกระตุ้นทุ้งอีกฝ่ายอย่างแรง  ใช้สุ่มสี่สุ่มห้าอาจโดนชก เตะปาก ตบฉาด หรืออะไรอื่นๆ ได้ที่มันแรงส์


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 28, 2555

de- รากศัพท์ภาษาอังกฤษและความหมายของ defrost และ decoder

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
ภารกิจเรียนรากศัพท์อังกฤษของเรายังเดินหน้าต่อครับ  หลักสูตรภาษาอังกฤษในโรงเรียนประเทศไทยควรจะเอาเวลาไปเน้นเรื่องรากศัพท์มากกว่าจะไปบ้ากริยาสามช่อง  ที่จำได้ ท่องดีมีไว้แค่สอบไล่ผ่าน จบมาก็ลืมหมด ไม่ได้ประโยชน์อะไร ...ไร้สาระจริง

de- 


       de- :  พรีฟิกส์ หรือตัวนำหน้านี้  ส่วนใหญ่จะมากับพวกเวิร์บ  หรือคำกริยา ครับ พอเติมไปหน้าคำกริยาเดิม จะทำให้มีความหมายในทางตรงกันข้ามทันที (นำออก- removal  หรือ เปลี่ยนผันกลับตาลปัตร- reversal)

ตัวอย่างเช่น deactivate   ออกเสียงว่า ดิ่ แอ๊ค ติ เหว่ต  ซึ่งเดิมนั้น คำว่า activate ก็อยู่ของมันดีๆ มีความหมายว่า เปิดใช้งาน เรียกใช้งาน เช่น ในหนังฮอลลีวู้ดจะมีฉากพวก สั่ง activate ระบบป้องกัน ! แต่พอเติม de เข้าไปเท่านั้นล่ะ จะหมายถึงทำให้ระบบกลไกนั้นใช้งานไม่ได้ และใช้กับการกู้ระเบิดด้วยก็คือทำให้ระเบิดใช้งานไม่ได้

 ส่วนตัวอย่างอื่นก็เช่น  decode ก็คือ ถอดรหัส นั่นเอง (code  แปลว่า รหัส หรือโค้ด โค้ดลับ) คำนี้เจอในหนังบ่อยอีกแล้ว ถ้าเป็น decoder ก็คือตัวถอดรหัส เช่นที่ใช้กับเคเบิลทีวี ที่เขาส่งสัญญาณเข้ารหัสมา เราไม่มีเจ้ากล่องที่ว่านี้ก็รับ และแปลงรหัสสัญญาณทีวีเขาไม่ได้


decoder = de+code+er = decoder   


(ตัว e  ต้องตัดออกตัวนึง ไม่งั้นจะอ่านเป็น "เดียร์"   ไม่ใช่ "เด้อ"  อย่างที่ตั้งใจ )  คำนี้มีการต่อหัวต่อท้ายเลยครับ น่าสนใจจริงๆ 


มาดูคำอื่นๆ  บ้างครับ

  • decompose  แปลว่า เน่าเปื่อย ใช้กับซากพืชซากสัตว์
  • decompression แปลว่า การลดระดับความดันอากาศ ในห้อง หรือในเรือดำน้ำ หรือในยานอวกาศ  สถานีอวกาศ
  • decommission แปลว่าปลดประจำการ เลิกใช้ ปลดระวาง เช่น ปลดประจำการเรือหลวงแม่กลอง เป็นต้น
  • defrost แปลว่า ละลายน้ำแข็งในตู้เย็น หรือ ละลายน้ำแข็งในพวกเนื้อที่แช่เย็นไว้ เพื่อเอามาปรุงต่อ 
  • defuse แปลว่า  ถอดชนวนสถานการณ์ ความยุ่งยากหรือ ถอดชนวนระเบิด 

นอกจากนี้ยังมีอีกเยอะครับ คงเล่ากันไม่หมด เวลาเราอ่านภาษาอังกฤษเจอลองสังเกตดีๆ  แล้วจะเห็นลีลาของรากศัพท์ทั้งตามหน้าและตามหลัง พอคุ้นชินแล้ว เราก็จะเริ่มจับทางมันได้ครับ ไม่ยากเลย อยาไปกลัวมัน 



แล้วเจอกันใหม่ครับ .....


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ


 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 27, 2555

เรียนรากศัพท์อังกิด un- และตัวอย่่างความหมายของ unarmed และunmask

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
วันนี้มาที่รากศัพท์พื้นเพมาก แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ด้อยราคาเลย  เพราะถึงตัวราก un จะดุเหมือนธรรมดา แต่ก็สร้างความหมายที่เปลี่ยนแปลงให้ตัวศัพท์อังกฤษแบบหน้ามือเป็นหลังตีนเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นอย่าเผลอไผลมองข้ามไปเป็นอันขาด


un-

un- : หมายถึง  "ไม่"  หรือ  "ไม่ใช่"    ไม่สามารถ  ถอดออก  เอาออก ทำให้ไม่มี ทำให้ปราศจาก  หมดไปจาก.... อะไรแบบนี้ครับ 

ตัวอย่างเช่น  (รากคำ UN- นี้มีเยอะมากจริง  ครับ นี่แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง )

  • unacceptable  แปลว่า ไม่สามารถยอมรับได้  (มาจาก un+accept+able )
  • unreal  แปลว่า  ดูเหมือนไม่จริง
  • unhappy แปลว่า  ไม่มีความสุข
  • unmanned แปลว่า  ไม่มีคนประจำ
  • unable  แปลว่า  ไม่สามารถ
  • unarmed  แปลว่า   ไม่มีอาวุธ ไม่พกพาอาวุธมาด้วย
  • unavoidable แปลว่า  ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  • undress แปลว่า ถอดเสื้อผ้า แก้ผ้า
  • unemployment  แปลว่า  ภาวะการณ์ว่างงาน
  • unfair แปลว่า  ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม
  • unlikely แปลว่า  ไม่น่าจะเป็นไปได้
  • untrue แปลว่า  ไม่จริง
  • unmask แปลว่า  ถอดหน้ากาก เผยโฉม 

ทีนี้ เราก็มาดูกันต่อที่ความหมายตรงกันข้ามดูบ้าง  สลับร่างกันดู ว่าเราเอาตัวนำหน้า หรือซัฟฟิกส์ออกไปจะเกิดอะไรขึ้นกับคำศัพท์อังกฤษพวกนั้นบ้าง 

  • acceptable  แปลว่า  สามารถยอมรับได้  (accept+able)
  • real  แปลว่า   จริง มีอยู่จริง
  • happy แปลว่า   มีความสุข  ม่วน 
  • manned แปลว่า  มีคนประจำ ต้องใช้คน
  • able แปลว่า   สามารถ หรือ ทำได้  (คำนี้  -able ก็เป็นรากคำในตัวของมันเองเช่นกันครับ)
  • armed แปลว่า   แปลว่า มีอาวุธ  ติดอาวุธ  พกพาอาวุธมาด้วย คำว่า  armed  ในที่นี้ ไมใช่หรือเกี่ยวอะไรกับอวัยวะร่างกายของคน แต่จะมีความหมายเฉพาะว่า  "ติดอาวุธ"  หรือ "มีอาวุธ"  
  • avoidable แปลว่า   สามารถหลีกเลี่ยงได้ (มาจาก avoid+able) 
  • dress แปลว่า สวมเสื้อผ้า  ใส่เสื้อผ้า
  • employment  แปลว่า   การจ้างงาน
  • fair  แปลว่า   เป็นธรรม  แฟร์
  • likely แปลว่า  น่าจะเป็นไปได้  ค่อนข้างจะเป็นไปได้
  • true  แปลว่า   จริง จริงแท้  เป็นตามจริง
  • mask  แปลว่า  หน้ากาก ใส่หน้ากาก หรือว่า  สวมหน้ากาก

เห็นมั้ยครับ  รากศัพท์ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เราคาดเดาได้ให้ขึ้นกับคำศัพท์ทั้งหลายทั้งปวงในภาษาฝรั่ง  ขอให้เรารู้จักมันซักนิด รับรองภาษาอังกฤษเราดีขึ้นแน่นอน 

รวมหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ

รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 26, 2555

รากศัพท์ pro- และความหมายภาษาอังกฤษ

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook


วันนี้มาที่รากศัพท์ภาษาอังกฤษ   pro  คำง่ายๆ ธรรมดาๆ  แบบนี้ก็มีความหมายหลายอย่างเหมือนกัน ซึ่งจะเจอบ่อยตามหน้าข่าวภาษาอังกฤษที่เจอในเว็บ เรียกว่ารากศัพท์นี้เอาไว้อ่านข่าวหรือบทความฝรั่งโดยเฉพาะในเรื่องการเมือง

pro-

pro-: หมายถึง สนับสนุนอะไรบางอย่าง  เวลาที่นักข่าวฝรั่งสร้างคำใหม่ขึ้นมาเขาจะเอาคำศัพท์มาตามหลังคำๆ นี้อีกที ซึ่งจะมีความหมายว่า สนับสนุนสิ่งนั้น เรื่องนั้น สนับสนุนประเด็นนั้นๆ   หรือว่าสนับสนุนบุคคนหนึ่ง หรือผู้นำคนหนึ่ง เป็นต้น


ตัวอย่างเช่น 
  • pro-choice ใช้กับคนที่เชื่อว่า แม่ของเด็กมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะเลือกว่าจะให้เด็กเกิดมาหรือไม่ ไม่ใช่คนอื่นหรือกฎหมาย เป็นต้น อันนี้เป็นประเด็นเรื่องทำแท้ง ครับ  เคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกันดูตามที่ลิงก์ด้านล่างนี้ครับ



  • pro-government  แปลว่า   สนับสนุนรัฐบาล   สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล 
  • pro-Gaddafi   แปลว่า  สนับสนุนกัดดาฟี  (อดีตผู้นำลิเบีย ที่ครองอำนาจมานาน แต่ก็ถึงจุดจบในที่สุด) อันนี้เป็นตัวอย่าง เวลาฝรั่งเขียนข่าว สนับสนุนใครก็เอา pro- ไปใส่ข้างหน้า แบบนี้ก็ได้ศัพท์คำใหม่ขึ้นมาแล้ว  ไม่เห็นยากเลย 
  • pro-democracy  แปลว่า  สนับสนุนประชาธิปไตย 


แล้วพบกันใหม่ครับ....อย่าได้ท้อกับเส้นทางภาษาอังกฤาเป้นอันขาด สู้ๆ  ครับ


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 25, 2555

เที่ยวรถ และเบอร์โทร บขส VIP เที่ยว เชียงคาน -กรุงเทพ

ร้านเจ๊ใจแสงทอง จุดขึ้นรถบขส วีไอพีเชียงคาน กรุงเทพ

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook


เชียงคานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อระดับประเทศมาในช่วงสี่-ห้าปีหลังมานี้ แต่ใครที่ไปเที่ยวเลย หรือภูกระดึงประจำจะทราบว่า อำเภอเชียงคานเป็นต้นสายของรถทัวร์ และรถทัวร์ VIP ของหลายบริษัททัวร์ตั้งแต่ก่อนที่ "เชียงคาน" จะโด่งดังขึ้นมาเสียอีก

ใครที่ลาพักร้อนไปเที่ยว เชียงคาน จังหวัดเลย ถ้าจะขึ้นรถบขส ทั้ง ป.1  และรถปรับอากาศ VIP  จะมีรอบทุ่มนึง เชียงคาน-เลย-กรุงเทพฯ  เป็นรถป. 1  และ รอบรถทัวร์ เชียงคาน ไป กรุงเทพฯ เหมือนกันในตอนทุ่มครึ่งของทุกวัน เป็นรถแบบ VIP  ครับ  เลือกจองตั๋วกลับได้ตามอัธยาศัย


ตัวอย่างรถ VIP  ปรับอากาศ เชียงคาน-กรุงเทพมหานคร มีวิ่งทุกวันครับ 

นักท่องเที่ยวมารอขึ้นรถ กรุงเทพฯ เชียงคานที่จอดอยู่ที่ร้านเจ๊ใจแสงทอง  ในตลาดสดเชียงคานครับ  หาไม่ยากอยู่ตรงตลาดสดไม่ใกลจากที่ขายปาท่องโก๋ยัดใส้เท่าไรนัก  เดินตรงมาจากโรงหนังเก่าเดี๋ยวก็เจอเอง 
เบอร์โทร และข้อมูลติดต่อร้านเจ๊ใจ แสงทอง เจ้าเก่าที่รับจองตั๋วรถบขส ในเส้นทางเชียงคาน กรุงเทพครับ สำรองที่นั่งก็ติดต่อได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ด้านบน เลยครับ 

เที่ยวเชียงคานกันให้สนุกนะครับ....


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

planetarium แปลว่าอะไรในภาษาไทย



โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook


มีคำยากคำนึง แต่ก็ชวนรู้ครับ เห็นป้ายภาษาอังกฤษกับภาษาไทยด้านบน ก็คงทราบความหมายกันตามป้าย  นี่ผมไปถ่ายมาจากป้ายที่ติดอยู่บนทางลงรถไฟฟ้าเอกมัยครับ

planetarium   ออกเสียงว่า เพล เน็ต เท๊ เหรี่ยม   แปลเป็นภาษาไทยว่า ท้องฟ้าจำลอง ครับ ก็คือสถานที่ๆ มีเครื่องฉาย(projector) แบบพิเศษที่เอาไว้ฉายจำลองภาพดวงดาวตอนกลางคืนในท้องฟ้าได้อย่างสมจริง

ใครไม่เคยไปดูน่าจะลองหาโอกาสไปนะครับเพราะบรรยากาศอลังการดีที่จู่ๆ  เรานั่งในห้องแอร์เย็นๆ  แล้วเหนือหัวเราก็กลายเป็นดวงดาวระยิบระยับอย่างไม่น่าเชื่อ ลองดูกันได้ที่ท้องฟ้าจำลองที่เอกมัยครับ

ภาษาอังกฤษเรื่องดาวเขาจะใช้คำว่า star ครับ  แต่ในที่นี้  คำว่า  planet  ออกเสียงได้ว่า แพล่ เหน็ต   แปลว่าดาวเคราะห์  ก้คือดาวที่เป็นดาวเคราะห์ เป็นดาวบริวารโคจรรอบดวงอาทิตย์ อย่างโลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร อะไรแบบนี้เป็นต้น

Science  Museum   แปลว่า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คือก็คล้ายๆ กับพิพิธภัณฑ์ทั่วไป แต่แทนที่จะแสดงโบราณวัตถุ ก็แสดงเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์แทน  มาจากการสร้างคำว่า   Museum    ออกเสียงว่า หมิ่ว เสี้ยม   แปลว่า  พิพิธภัณฑ์  ส่วน   Science   อ่านว่า ไส้ แอ่นส์      แปลว่า วิทยาศาสตร์

จริงๆ  แล้วศัพท์วันนี้ก็เป็นประโยชน์เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนกันครับ เพราะชื่อสถานที่พวกนี้ก็ศัพท์สำคัญที่เราต้องรู้เวลาอ่านชื่อและความหมายของที่ต่างและแผนที่ครับ


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 24, 2555

You scared the hell out of me แปลว่าอะไร scare มีความหมายว่า?

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook



มีอยู่ ประโยคเด็ดระดับเคล็ดลับภาษาอังกฤษ ที่เอาไว้โวย หรือบ่น แกมด่านิดๆ  ไว้โวยวายกับฝรั่ง หรือเพื่อนฝรั่งได้เช่น   เวลาที่มืดๆ  มันโผล่หน้าออกมา หรือแกล้งเรา  ป่วน หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เราตกใจ สะดุ้ง หรือผวา

ในสถานการณ์เฉพาะทาง ก็ต้องการประโยคเฉพาะทางแบบนี้เช่นกัน  จริงๆ ประโยคนี้ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่ทราบไว้ก็ดีครับ ทำให้ภาษาอังกฤษเราดูมีชีวิตขึ้นมา  และอีกอย่างอาจเจอประโยคนี้เวลาดูหนังอเมริกัน ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดอะไรพรรค์นั้น


You scared the hell out of me....

แปลได้ว่า  โธ่เว้ย... กรูกูกลัวชิปหายเลยเมิง   (เซนส์อารมย์คือว่า เป็นการโวย บ่นนิดนึงว่า อย่าทำแบบนี้ อย่าเล่น อย่าแผลง)

หรือประมาณว่า

เฮ้ย..เมิง (โผล่มา หรือเล่น) แบบนี้ได้ไงฟะ  กรูกลัวตายห่าเลย...

บางทีเขาก็ใส่  the shit ที่แปลว่า "ขี้"  เข้าไปแทน (ผมไม่ใช้ อุจจาระ หรือ มูลหรอกครับ ทำแบบนั้นมัน ดัดจริตภาษา....หุหุ)  เช่น

You scared  the shit  out of me....

แปลแบบให้ได้อารมณ์ก็ต้อง   แม่ง......กูกลัวขี้ปลิ้นเลย...

แวะมาดูศัพท์ภาษาอังกฤษสองคำที่เจอในบทสนทนาของเราวันนี้ครับ

  • scare  ออกเสียงว่า สแก้ ร์  แปลว่า ตกใจ  หรือ ทำให้ตกใจ (to frighten ) ต้องประมาณแบบว่าเป็นการตกใจแบบทันดีทันใดด้วยนะครับ แบบว่า    ต๊กกะจาย หมดเลย...
  • hell  อ่านว่า เฮ่ลล   แปลว่า  นรก หรือ นรกภูมิ  ในคติฝรั่งที่ตายไป คนบาป คนทำกรรมชั่วช้าสามาลย์ หรือระยำตำบอนอะไรทั้งหลายจะได้ไปอยู่ ซึ่งก็เหมือนกันทุกศาสนา คือจะต้องมีนรกไว้ที่ไหนซักแห่ง  ส่วนจะเป็นนรกเย็น หรือนรกร้อน นั่นก็ว่ากันอีกเรื่อง 

 นอกจากนี้ยังมีการใช้  You scared the crap out of me    และก้อ   You scared the devil out of me...  อะไรแบบนี้ก็ได้ครับความหมายคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกันอะไร ให้รู้ว่ารูปคำเรียงมาแบบนี้ก็คือ ฝรั่งตกใจ นั่นเอง

วันนี้พอก่อน ครับ อย่าลืมแนะนำบล็อคนี้บอกต่อเพื่อนๆ หน่อยครับ

รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 19, 2555

VDO - Blog ตลาด Tra Vinh บรรยากาศปลายลุ่มน้ำโขง

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

อยู่หน้าตลาดจร่าวินห์  หรือ Tra Vinh   (ถ้าออกสำเนียงใต้จะเรียกว่า จร่าเย็น)   สุดสามเหลี่ยมปากน้ำโขง เรียกว่าทั้งจังหวัดเป็นเหมือนสันดอนขนาดใหญ่ยักษ์ (ดูแผนที่ครับ)  เมืองนี้ยังมีเสน่ห์ที่เหลือทิ้งมาจากยุคอนาณิคมฝรั่งเศสครับ ผังเมืองที่ดี และต้นไม้สวย

อัดคลิปนี้ ปล่อยอารมณ์ไหลตามมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่าน   ตลาดเวียดนามจะมีธรรมชาติเฉพาะตัวของเขาอยู่อย่างก็คือ นออกจาคนจะเดินผ่นแล้ว มอเตอร์ไซค์ยังวิ่งผ่านได้ด้วย   คำว่า Cho  ที่เห็นบนตัวอาคาร ในภาษาเวียด แปลว่า ตลาด ครับ





รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

ย่านไฟแดง หรือ red light district แปลว่าอะไร

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook


ศัพท์วันนี้ล่อแหลม กันเล้กน้อย แต่เป็นเรื่องที่ควรรู้ และก็อีกเช่นเคยเรื่องแบบนี้โรงเรียนเขาก็ไม่มีสอน คงเพราะคิดว่าบัดสี บัดเถลิง กระมัง  อืมมม์... ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ แล้วมนุษย์เราจะเกิดมาได้อย่างไรกันล่ะครับ ลองตรองกันให้ดี

ศัพท์ตัวนี้จะงงมากสำหรับใครที่หัดเดินทางด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์ใหม่ๆ  เปิดไกด์บุ๊คฝรั่ง อย่าง Lonely Planet (ดาวเหงา) แล้วเจอคำประหลาดตัวนี้แล้วมึนหัวไม่รู้ว่าเขาแปลว่าอะไร

เพราะถ้าถอดรหัสภาษาตามตัวจะได้ความหมายประมาณว่า  red แปลว่า สีแดง  light  แปลว่า ไฟ หรือแสง   ส่วน district ก็แปลว่า "อำเภอ" แบบที่กระทรวงมหาดไทยบ้านเราใช้กัน

ดังนั้นจะเป็น "ย่านไฟแดง  "  หรือ เขตไฟสีแดง  "อำเภอไฟแดง" คงไม่ได้แน่นอน   เพราะว่า แปลความ ตีความ ออกมาแล้วไม่ตอบโจทย์อะไร

red light district

คำแปลก็คือ เป็น "ย่านเที่ยวกลางคืน"  "ย่านโสเภณี"  "แหล่งเที่ยวผู้หญิง"  ซึ่งมีโสเภณี (prostitution ) หรือร้านเซ็กซ์ช็อป (sex shop) ที่ขายของ เครื่องช่วยบันเทิง อุปกรณ์ทางเพศ  หนังโป๊ ชุดวาบหวาม อยู่ด้วย

เหตุก็คือในหลายประเทศกฏหมายเขาอนุญาตให้มีการค้าบริการทางเพศได้อย่างถูกกฏหมาย แต่เขาจะกำหนดโซนให้ชัดเจน มีเขตบริการ จะไปตั้งไปทำมาหากินนอกเขตไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปควบคุมดูแล และเขต หรือ ย่านประเภทนี้ก็คือ  "red light district"  นั่นเองครับ

ผมเขียนอธิบายตรงนี้  เพราะหลายคนที่ไม่อยากเข้าไปในย่านพวกนี้ เวลาอ่านไกด์บุ๊คจะได้รู้แล้วเข้าใจเรื่องล่วงหน้า จะได้ไม่พลัดหลงเข้าไปโดยบังเอิญ

ตัวอย่างก็  เช่น แถวย่าน King Cross  ในเมืองซิดนีย์  Sydney  ที่นักเรียนไทยในออสเตรเลียรู้จักดี  หรือ  ย่าน De Wallen ในเมืองอัมสเตอร์ดัม  Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวดังระดับโลก

ส่วนบ้านเราก็มีเยอะครับ อย่าให้บอกเลยว่าที่ไหนบ้าง.....


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 16, 2555

Why should I care? ประโยคเด็ดภาษาอังกฤษ และความหมาย

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

มาที่ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษแบบที่ไม่รู้และไม่มีสอนกันในโรงเรียนครับ หาได้จากชีวิตจริง และข้างถนนครับ

มีประโยคโหดๆ  อยู่อันนึงที่เหมาะจะเอาไว้ตัดบท ตัดรอน หรือขยี้ใจอีกฝ่าย รวมทั้งบอกปัด บอกปฏิเสธไม่รับรู้ในปัญหา ในเรื่องราวมุมมองของอีกฝ่าย ไม่สนใจเลย

ซึ่งก็เหมือนการใช้ในภาษาไทยสมัยใหม่ ที่บอกประมาณว่า  "ฉันไม่แคร์"   หรือ "ไม่แคร์"   แต่ภาษาอังกฤษมันจะมีลีลาเร้าใจกว่านั้นเยอะ  จะมาพูด  not care  อะไรเฉยๆ ไม่ได้

มาลองดูนี่ครับ


Why should I care?

แปลได้ว่า "ทำไมกูต้องแคร์ด้วยล่ะ"  หรือ "แล้วทำไม กูต้องแคร์ (เมิง)"  อันนี้แปลแบบโหด

นั่นก็คือ ไอ้ที่ว่ามา พูดมา บอกมา  ปัญหาของมึง กูไม่แคร์เลย ไม่สนใจเลย เรื่องอะไร หรือทำไมกรูต้องเอาเรื่องนี้มาแคร์ มารกสมอง  กูไม่แคร์ กูไม่เห็นมีเหตุผลที่จะต้องแคร์เลย

ตามเว็บบอร์ด หรือฟอรัม หรือบล็อกฝรั่ง เขาชอบเอาประโยคนี้มาเปิดประเด็น พูดถึงเรื่องราวที่ถกเถียงกัน โดยจะใช้รูปประโยคง่ายๆ  เติม about ที่แปลว่า "เกี่ยวกับ" ว่า

Why Should I Care About ...... 
ทำไมฉันต้องแคร์เกี่ยวกับเรื่อง.......

ตัวอย่างเช่น

 Why Should I Care About Saving?
ทำไมฉันต้องแคร์เรื่องการออมทรัพย์ด้วยล่ะ

 Why Should I Care About.....จะเกี่ยวกับเรื่องอะไร  ประเด็นอะไรก็ว่าไป ตามถนัด

จริงๆ  คำนี้ก็ออกจากคล้ายๆ  กับ "So What"   หรือ "แล้วไง" ที่ได้กล่าวมาแล้ว ในตอนก่อนๆ  ลองกลับไปย้อนอ่านดูครับ




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

something like that แปลว่าอะไร

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
มีคำพูดที่จะยกมาเป็นตัวอย่างในวันนี้ที่สุดแสนจะมีประโยชน์ เวลาใช้พูดกับฝรั่ง เพราะมันจะช่วยสรุปประเด็น สื่อความหมายรวมๆ  ออกไปโดยที่เราไม่ต้องสาธยาย เจรจาต่อให้มากความ

นี่คือคำ


something like that

ซึ่งก็แปลว่า อะไรทำนองนั้น อะไรแบบนั้น  อะไรอย่างนั้นล่ะ  อะไรเทือกๆ นั้นล่ะ   อะไรแบบนั้นล่ะ .....ใช้ได้หลายสถานการณ์ แล้วแต่จะคิดใช้งาน

เช่น ใช้เวลาที่ฝรั่งถามมาเช่น  ปลาสวาย มันเป็นตระกูลเดียวกับปลาบึกใช่มั้ย  อืมม ไม่ค่อยแน่ใจหว่า...แต่หน้าตาก็คล้ายกันนะ  แบบนี้ก็... something like that   เป็นต้น

หรือว่าเวลาเราอธิบาย พูดตัวอย่าง หรือยกเคสไปแล้ว ซักอันสองอัน แต่ เรานึกไม่ออกว่า อันที่สาม ที่สี่ที่จะพูดต่อคืออะไร ก็ใส่ไป  ....or something like that

แหม...ดูเนียนจริงๆ  

ทิ้งท้ายไว้นิดนึงว่า something  เฉยๆ   จะแปลว่า อะไรบางอย่าง  หรือ  บางอย่างครับ


รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

คำอังกฤษ crybaby หรือ cry-baby แปลว่าอะไร

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

คำนี้น่าสนใจครับ เลยหยิบเอามาฝากกัน

อย่างแรกครับ   crybaby หรือ  cry-baby  เขียนและสะกดได้ทั้งสองแบบ เพราะดิคฝรั่งก็มีทั้งสองแบบ และคนฝรั่งก็ใช้กันทั้งสองการสะกด เรื่องแบบนี้อาจมีการถกเถียงกันบ้าง ก็ต้องปล่อยให้ฝรั่งต่างสำนักเขาเถียงกันไป เรื่องแบบนี้ว่ากันไม่จบหรอก

  • crybaby   ออกเสียงว่า คร้าย เบ่ะ บี่   แปลว่า คนที่ขี้แย (ซึ่งไม่ใช่เด็กแล้ว โตแล้ว)  แต่มีอารมณ์อ่อนไหว ร้องให้ง่าย  หรือ ขี้บ่น ขี้โวยวาย  ขี้โอดครวญ คร่ำครวญ  ทำนองนั้นก็ได้ครับ   จะสะกดอีกแบบว่า  cry-baby  ก็ได้ครับ 


การสร้างคำก็ง่ายๆ   cry  ก็แปลว่าร้องไห้  หรือร้องส่งเสียงออกมาดังๆ   ส่วน baby  ก็แปลว่า เด็ก เด็กน้อย  แต่ในที่นี้เขาไม่ใช้กับเด็ก แต่ใช้กับ ผู้ใหญ่ คนที่โตแล้ว แต่ยังทำตัวเป็นเด็กขี้แย ขี้โอดครวญ แหกปากโวยวายไม่เข้าท่าอยู่

น่ารำคาญ ว่างั้นเถอะ!




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 15, 2555

So what? ความหมายคืออะไร?

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

สำนวนภาษาอังกฤษแบบนี้ไม่มีสอนกันในโรงเรียนหรอกครับ  เพราะชีวิตจริงอาจจะดูเลวร้าย หรือโหดหินเกินไปสำหรับจริตธรรมเนียมการสอนภาษาอังกฤษในรั้วการศึกษา

สำนวนนี้น่ารู้ และควรรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกอเมริกันชนชอบใช้ และแสดงความเป็นอเมริกันได้ออกมาถึงแก่นสุดๆ  เวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเรียนต่อนอกจะได้รู้ไว้ และรับมือได้ถูก

So what? 

ความหมายแปลได้ง่ายๆ  สั้นๆ  ว่า  "แล้วไง"  (แสดงอาการไม่แคร์กับไอ้ที่พูดมา)

วิธีใช้ ก็คือ เป็นการบ่งบอกออกมาตรงๆ จากขั้วตับ และติ่งหัวใจว่า  ...กูไม่แคร์ หรอก ไอ้ที่มึงว่ามา บอกมา พล่ามมา ที่พูดมา หรือขอร้องอ้อนวอนมา กูไม่สน ไม่แคร์  ช่างแม่ม... ทั้งนั้นเฟ้ย  ....แล้วไง!  ทำไมล่ะ


ดังนั้นเวลาจะเอาไปใช้กับฝรั่ง ก็ปล่อยให้มันพูดมา หรืออธิบายมา  เราไม่เชื่อ ไม่ชอบใจ ไม่แคร์ ก็จัดการงัดอาวุธ  So what  ใส่มันซะ เป็นอันจบเรื่อง เรียบร้อยโรงเรียนฝรั่ง

ฝรั่งเลวๆ กากๆ ก็มีอยู่เยอะครับ  อย่าไปคิดมาก




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

have a whale of a time หมายความว่าอะไร แปลยังไง



โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

มีสำนวนฝรั่ง ในภาษาอังกฤาอยู่อันนึงที่ทำให้งงมากถึงมากที่สุด เพราะไม่มีทางที่จะถอดรหัสความหมายออกมาได้เลย  ถึงแม้จะรู้ศัพท์หมดแล้วก็ตาม

มาดูกันครับ

....have a whale of a time

แปลว่าอะไรดี นะ ....time   ก็แปลว่า เวลา ใช่มั้ยล่ะ    ส่วน whale  ก็แปลว่า วาฬ หรือ ปลาวาฬ  ทั้งหมดนี้หมายความว่ายังไง เพราะรวมกันแล้วไม่สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยนิด

ผมเจอหนแรกก็งงเหมือนกัน รู้สึกจะเห็นจากสติ๊กเกอร์เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้อญี่ปุ่น จำไม่ได้แล้วว่ายี่ห้ออะไร เลยต้องไปค้นคว้ามาดู พอเจอความหมายก็ต้องร้องโอ้ อ๋อ...

 เพราะมันหมายความว่า   "ช่วงเวลา" หรือ "ห้วงเวลา"  ที่มีความสนุก  สนุกสนาน เพลิน ได้เฮ  ม่วนซื่น  สนุกหรือเพลินกันสุดๆ   

ความหมายมันเป็นยั่งงี้นี่ละครับ   อิอิ...




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 14, 2555

แผนประหยัด รัดเข็มขัด หรือ austerity plan ภาษาอังกฤษออกเสียงยังไง

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
เมื่อหลายเดือนก่อน มีข่าวเรื่องวิกฤติการเงินในประเทศกรีซ  ลามปามจนกระเทือนประเทศในอียูทั้งหมด ตอนนั้นผมก็ทำเรื่องภาษาอังกฤาค้างไว้เรื่องนึง แต่บังเอิญย้ายไฟล์ไปมาก็เกิดงงจิตว่าเอาไว้ไหนกันแน่ หาไม่เจอ จนมาเปิดเจอในวันนี้เลยเอามาลงครับ

ข่าวอาจล่า แต่ภาษาอังกฤษไม่เคยล้าสมัยครับ เรียนภาษาก็ได้เปรียบตรงนี้ล่ะ

Greek ministers appeal to MPs to back austerity plan
รัฐมนตรีกรีกวิงวอนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสนับสนุนแผนการรัดเข็มขัด

มาดูศัพท์อังกิดกันครับ

  • minister  ในที่นี้แปลว่า แปลว่า รัฐมนตรี  ถ้านายกรัฐมนตรีก็คือ prime minister   
  • appeal  ออกเสียงว่า อะ พี้ล   แปลว่า  ดึงดูดใจ  หรือภาษากฏหมายคือยื่นอุทรณ์  แต่ในการใช้ตรงนี้จะแปลว่า "วิงวอน" ครับ ก็คือ ขอร้องให้อีกฝ่ายทำอะไร หรือไม่ทำอะไรซักอย่าง
  • MP    ออกเสียง ว่า  เอม พี่ แปลว่า สส  ครับก็คือ  member of parliament  ก็คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั่นเอง   โดยคำว่า parliament  แปลว่า สภา หรือรัฐสภา ที่เป็นที่รวมของผู้แทนเขตต่างๆ ที่ประชาชนเลือกมาให้ปกครองประเทศ
  • back  ปกติแปลว่า "หลัง"  หรือ "กลับมา"  แต่ในที่นี้คือ "สนับสนุน"  ครับ จำง่ายๆ ว่า เวลาเรา back ใคร ก็คือ "การหนุนหลัง"  คนนั้น  แบบนี้จำง่ายแน่นอนครับ
  • austerity plan  คือ แผนการประหยัด หรือแผนการรัดเข็มขัด   โดย  austerity  ออกเสียงว่า อ่อส เต้อ หร่า ตี่   แปลว่า เขียม ประหยัด ลดค่าใช้จ่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ รัดเข็มขัดอะไรแบบนี้ครับ 


 รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

คลิปวิดีโอ เส้นทางคุน-ม่าน ถนนเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชื่อมไทย กับยูนนาน R3 road clips to Yunnan

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

มีคลิปวิดีโอมาฝากกันสามสี่คลิบครับ มีทั้งคลิปไทยและคลิปจีน จะได้เห็นภาพกันชัดๆ  ถึงเส้นทาง  R3 ที่จะเป็นเส้นเลือดการเดินทางและการท่องเที่ยวสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างไทย-จีน เ ริ่มต้นขึ้นมาหลายปีแล้ว  และรอสะพานมิตรภาพเชื่อมไทย-ลาว ข้ามอำเภอเชียงของกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาวเท่านั้น  (สะพานนี้ไทย จีนลงขันกันสร้าง)


ซึ่งชื่อถนนสายนี้ จีนเขาเรียกว่า  "คุนม่าน กงลู่"   ก็คือเส้นทางเชื่อมกรุงเทพสู่คุนหมิง  โดย "คุน"  ย่อมาจาก "คุนหมิง" ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนาน และ "ม่าน"  คือ ชื่อพยางค์แรกของคำเรียกชื่อกรุงเทพฯ ในภาษาจีนคือ "ม่านกู่" นั่นเอง ชื่อนี้มีที่มาแบบนี้นี่เอง

ถนนสายนี้มีต้นทางเริ่มจากเชียงของ ประเทศไทย-บ่อแก้ว-หลวงน้ำทา-บ่อเต็น ของประเทศลาว-บ่อหาน-เชียงรุ่งหรือจิ่งหง ในเขตปกครองตนเองชนชาติไตใน "สี่สวงป่านน่า"  หรือ "สิบสองปันนา"  แล้วขึ้นเหนือ นครคุนหมิงมณฆลยูนนาน ของประเทศจีน โดยมีระยะทางจากกรุงเทพถึงเมืองคุนหมิงรวมกว่า 1800 กิโลเมตร ครับ


(บน) คลิปไทยนี้คือการสร้างเส้นทางเชียงขวาง ที่ไทยกำลังขยายมารับสะพานใหม่  แต่ดูสเกลแล้วสู้ที่จีนลงทุนไม่ได้เลย ลองดูคลิปถัดๆ ไปครับ



(บน) คลิปจีนนี้คือ เส้นทางในจีน ระหว่างจิ่งหง (Jing Hong) หรือเชียงรุ่ง ไป ผูเอ่อ( Pu-er)  เดิมเมืองนี้ชื่อซือเหมา (Si Mao)  แล้วเปลี่ยนมาเป็นชื่อผูเอ่อร์ ตามชื่อชาดัง   คลิปนี้จะลงเส้นเดิมเพราะทางด่วนคุนม่าน R3 ช่วงนี้ยังไม่เสร็จ แต่เราจะเห็นความมโหฬารของโครงการก่อสร้างนี้ ที่มณฑลยูนนานทุ่มสุดตัว

ที่ไหนมีเขาเจาะอุโมงค์  ที่ไหนเป็นหุบ จะทำทางด่วนคอนกรีตยกระดับข้ามไป ดังนั้นรถวิ่งเป็นทางตรงเกือบหมด ทางที่คดโค้งหรือเปลี่ยนระดับสูงต่ำมีน้อยมาก




(บน)คุยกับคนจีนที่พูดไทย ได้เรื่องเส้นทาง และคุยเรื่องอุโมงค์  บังเอิญเจอกันบนรถครับ ที่บนเส้นทาง"คุนหมิง-ม่านกู่"  มีอุโมงค์เยอะมากจนผมเลิกนับไปหลังจากผ่านไปหกสิบเจ็ดสิบอุโมงค์



(บน) คลิปจากชายแดนจีน-ลาว  ถนนคุนม่าน หรือ R3  วิ่งมาผ่านเส้นทางนอกเมืองหล้า (Meng La) ซึ่งเป็นเมิองใหญ่เมืองแรกในฝั่งจีน นับจากชายแดนเป็นต้นมา

คราวหน้าผมจะเก็บคลิปเมืองจีนมาฝากอีกครับ แล้วจะมาแปะเอาไว้ที่บล็อคนี้ แล้วพบกันใหม่ครับ ขอให้ทุกคนโชคดีในการเดินทาง

รวมหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ

รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

5 ข้อคำแนะนำซื้อหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษ

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

ผมมานั่งนึกว่า คนไทยเวลาเรียนภาษาอังกฤษ ชอบซื้อหนังสือ หรือคู่มือสนทนามาอ่านกันครับ อาจจะเป็นว่าชดเชยความรู้สึกที่เบื่อกับแกรมมาร์กับไวยากรณ์ประหลาดๆ  ทั้งหลายที่ยัดเยียดให้เรียนกันในสมัยเรียนในโรงเรียน

ด้วยเหตุนี้ ก็เลยนิยมซื้อ "คู่มือสนทนาภาษาอังกฤษ" มาอ่านกัน

ผมพอจะมีข้อคิดและคำแนะนำในการ ซื้อหนังสือบทสนทนาภาษาฝรั่ง ซัก 4-5 ข้อ ดังนี้

1 ) อย่าเลือกเล่มหนาราคาถูก
ข้อผิดพลาดอย่างแรก และอย่างแรงของคนซื้อหนังสือสนทนาภาษาอังกฤษ ก็คือ ตรงไปที่ชั้นหนังสือ ในร้าน  คำนวนตังค์ในกระเป๋า ดูราคาจากปก จากเล่มที่เห็น เสร็จแล้วก็นึกเอาในใจว่า  เทียบกับราคาแล้วเล่มนี้หนาที่สุด คุ้มสตางค์ที่สุด แล้วก็สอยเล่มที่ว่านั้นมา

เล่มหนาที่เป็นบทสนทนาพวกนี้ มักจะมีบทสนทนาที่ไม่จำเป็น  (ก้อเพราะเขายัดเอาประโยคที่ไม่จำเป็น มารวมเล่มให้ดูหนาไงละครับ)  โดยมากมักจะผูกเรื่องร้อยกันเป็นเรื่องราวเหมือนละคร   ราวกับว่าไอ้จอร์จ และอีซาร่าห์  มันจะคุยกันตามบทตลอด

ซึ่งชีวิตจริง คนเขาไม่พูดกันแบบนั้น ผลก็คือ มักมีประโยค หรือคำพูดที่ไม่จำเป็น  ไม่ได้ใช้ เสียเวลาอ่าน  หมดเวลาทำมาหากินไปอย่างเปล่าเปลือง

2) ระวังพวกปั่นทำตำราหากิน 

วงการหนังสือก็คืออุตสาหกรรมอย่างนึง และก็มีพวกทำตำราหากิน เอาไว้หลอกขายนักอ่านมือใหม่ เหมือนกับวงการอื่นที่มีพวกสิบแปดมงกุฏ

วิธีการของเขาก็คือ ปั๊มตำราภาษาอังกฤษออกมา  เขียนปกให้ดูชื่อหนังสือสร้างความหวังให้คนมีปัญหา เช่น เรียนโคตรลัดภาษาอังกฤษ  อังกฤษเรียนรู้ไวชิบหาย ภายใน 11ช ั่วโมง   พูดอังกฤษง่ายเชี่ยๆ  อะไรแบบนี้  (ชื่อพวกนี้ผมสมมุติมาครับ  ถ้าตรงกับใครก็เป็นเหตุบังเอิญ)

ส่วนเนื้อใน ก็ทำพอให้แค่ดูเป็นภาษาอังกฤษ มีบทสนทนาประกอบ กับอะไรนิดหน่อย ใช้ฟอนต์ตัวโตๆ  เพราะจะได้ไม่ต้องเขียนมาก และก็ตั้งราคาให้ดูต่ำเข้าไว้เพื่อสร้างแรงจูงใจ

ไม่ต้องอธิบายมากครับ เวลาไปร้านหนังสือ หรือเจอแผงหนังสือ ดูให้ดีแล้วจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

3) ความรู้ภาษาอังกฤษ ไม่มีความสำเร็จที่ระบุได้เป็นวัน สัปดาห์ หรือชั่วโมง 

ก็ตามหัวเรื่องที่จั่วเอาไว้ครับ อย่าซื้อเล่มที่บอกเวลาความสำเร็จ เช่น 766 ชั่วโมง  3 สัปดาห์   3  เดือน   หรืออะไรที่มาทำนองนี้ เพราะมันไม่จริง คิดดูง่ายๆ ถ้ามันกำหนดได้ขนาดนั้น  แล้วทำไมหนอ ทุกวันนี้ทำไม และเพราะเหตุใด คนไทยถึงยังมีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษกันอยู่

ใช้ความรู้สึกและสามัญสำนึกส่วนตัว ใคร่ครวญก่อนซื้อครับ

4) ซื้อหนังสือที่มีบทสนทนาเป็นอาชีพเฉพาะทาง ดีกว่า 

ขยายต่อจากข้อเมื่อกี้     ถ้าเราทำงานเฉพาะด้านเช่น เป็นเจ้าของร้านอาหาร   พนักงานเสิร์ฟ  พนักงานโรงแรม ทัวร์ไกด์   พนักงานขาย  แอร์โฮสเตส  อะไรพวกนี้ก็ดูตำราที่ออกมาเฉพาะทางแบบนี้ เอาได้ เพราะพูดไม่กี่แบบ

ตำราบทสนทนาเฉพาะทางนี้ดีกว่า ไอ้พวกที่คุยโม้ พูดลอยๆ  ว่า "พูดอังกฤษได้"   "ไม่กลัวฝรั่ง"  หรืออะไรต่างๆ นานา เพราะไอ้แบบนั้น มันไม่ตอบโจทย์ว่าพูดได้เรื่องอะไร คุยได้เรื่องอะไร 

ตำราเฉพาะทางแบบนี้เมืองนอกมีทำออกมาเยอะ แต่เมืองไทยไม่ค่อยมี

5) หนังสือบทสนทนาภาษายุคใหม่ควรจะมี CD เสียงประกอบด้วย 

หนังสือบทสนทนายุคใหม่ควรจะมีซีดีเสียงประกอบด้วย เพราะวิธีการที่ดีที่สุดก็คือต้องมีเสียงเจ้าของภาษามาพูดให้เราฟัง  สลับด้วยเสียงประโยคที่แปลเป็นไทย 

ที่สำคัญจะต้องเป็นไฟล์เสียงธรรมดานะครับ จะได้เอาไปใส่เครื่องเล่น MP3 ฟังเล่นได้เวลาขับรถ หรือนอนฟังก่อนนอน  หรือรีดผ้าไปฟังไป  ไอ้พวกดีวีดี ที่ต้องเปิดจอทีวี แบบนั้นไม่เอา เพราะมันทำอย่างอื่นไปด้วยไม่ได้ 




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 13, 2555

เรียนอังกฤษ ทบทวนรากศัพท์ out- ที่ไม่เคยเอาท์

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
วันนี้คราวนี้ มาที่รากศัพท์ out-  ที่เป็นพรีฟิกส์ หรือตัวที่วางหน้าคำศัพท์แล้วทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคำว่า out นี้ ไม่ได้มีความหมายตรงกันกับที่ใช้ในสำนวนทั่วไปที่คุ้นหูอย่างเช่น  "รุ่นนี้มัน เอาท์ไปแล้ว"  หรือ  "สไตล์นี้มัน เอาท์ไปแล้ว"  อันนั้นมัน out  กันคนละอย่างครับผม

เพราะเหตุที่ว่า รากคำ out- : หมายถึง  ดีกว่า เหนือกว่า มากกว่า จำนวนมากกว่า อยู่นานกว่า ตัวอย่างเช่น

  • outclass   แปลว่า  เหนือชั้นกว่า เช่น นักกีฬาคนนี้เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง แบบที่ไม่มีใครสู้ได้ 
  • outdo แปลว่า ทำสำเร็จมากกว่าคนอื่น ทำมากกว่า
  • outlast  แปลว่า มีชีวิตหรืออยู่ได้นานกว่าสิ่งอื่น ความหมายคล้ายกับคำถัดไป
  • outlive แปลว่า มีชีวิตอยู่นานกว่า คนอื่นที่ตายไปแล้ว อยู่รอดนานกว่าเพื่อน
  • outnumber  แปลว่า มีจำนวนมากกว่า พวกมากกว่า  
  • outpace  แปลว่า เร็วกว่า มีฝีก้าว ฝีเท้าที่เร็วกว่าคนอื่น 
  • outperform แปลว่า ทำได้ดีกว่า ประสิทธิภาพเหนือกว่า  ทำงานได้ดีกว่า 
แน่นอน เราต้องมาดูความหมายเดิมของคำในแบบที่ยังไม่มี out ด้วย ซึ่งจะทำให้ความหมายเปลี่ยนไปในเกือบจะเป็นเชิงตรงข้ามกันเลย เช่น

  • class   แปลว่า  ชั้น  ชนชั้น การจัดอันดับชั้น (ชั้นเรียน ก็คือการจัดอันดับเด็กออกเป็นชั้นๆ) 
  • do แปลว่า ทำ 
  • last  แปลว่า มีชีวิตหรืออยู่ได้ 
  • live แปลว่า มีชีวิตอยู่  อยู่
  • number  แปลว่า จำนวน 
  • pace  ออกเสียงว่า เพ้ซ   แปลว่า  ฝีก้าว ย่างก้าว จังหวะเท้า
  • perform  อ่านว่า พ่อ ฟ้อร์ม   แปลว่า ทำได้ ทำงานได้  ปฏิบัติงานในหน้าที่ 
เอาล่ะครับ พอจะเห็นตัวอย่างกันแล้ว ไว้พบกันคราวหน้าครับ อย่าลืมว่าภาษาอังกฤษไม่เคยยากเกินความพยายามครับ

รวมหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ

รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

VDO blog -สวนส้มธนาธร ฝาง เชียงใหม่


โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
ผมไม่เคยคิดว่าเที่ยวสวนส้มจะเป็นเรื่องสนุก เคยคิดว่าลงไปก็มีแต่ต้นส้มเรียงราย มีลูกส้ม.....ดูเหมือนจะไม่น่าแวะซักเท่าไหร่  ...และก็พลาดที่จะแวะไปตั้งหลายหนเวลาที่วิ่งรถผ่านเส้นทางท่าตอน-ฝาง เวลาจะกลับหรือไปจากดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย

แต่พอได้แวะจริงก็ผิดคาดครับ ไม่รู้สิ....คนอื่นอาจจะไม่ชอบแบบนี้ แต่ผมว่า ต้นส้มที่มีลูกดกเต็มต้นไปหมด มองไปแล้ว น่าทึ่งจริงๆ  แบบไม่น่าเขื่อเลย ลองดูคลิปวิดีโอสวนส่ม ไร่ส้มดูครับ




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 12, 2555

VDO blog- ตัวอย่างห้องพักนักเดินทางตามเกสต์เฮาส์ โรงแรมทั่วเอเชีย

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
เดินทางแบบอิสระในราคาประหยัดไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรครับ  ผมเคยเขียนแนะนำพื้นฐานเบสิกๆ ไว้แล้วในหนังสือเรื่อง แบ็คแพ็คเกอร์- แบกเป้ท่องโลก    แต้วันนี้อยากจะแนะนำให้ดูตัวอย่างแบบเห็นหน้าค่าตาของตัวห้องของจริง

ในรูปวิดีโอที่เห็นนั้น ถ่ายจากเมือง Soc Trang  ซึ่งเป็นจังหวัดสามเหลี่ยมปากน้ำโขงของประเทศเวียดนาม ครับ ราคาห้องนี้ราว 12 เหรียญสหรัฐฯ  ก็ตกราวๆ  สามร้อยกว่าบาทเท่านั้น มี WIFi  ให้ใช้เน็ตในห้องด้วยและ พอราคานี้หารสองกับเพื่อนเรา แบบนี้ค่าห้องคืนี้ก็จะเหลือแค่คนละร้อยกว่าบาทเท่านั้น



รวมความคิดแล้วคิดอีก  ก็ต้องบอกตามตรงว่า.......ถูกกว่าเมืองไทยเยอะครับ  มาเที่ยวกันกันดีกว่า เปิดหูเปิดตาประเทศเพื่อนบ้านของเรารับยุคประชาคมอาเซียนครับผม




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

VDO blog - พระอาทิตย์ตกดินที่ท่าข้ามแพ เมือง Vinh Long

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
มานึกเสียใจว่า เมื่อก่อนไม่เคยเก็บคลิปวิดีโอมาก่อน มีหลายครั้งที่ได้เจอกับพระอาทิตย์ตกดินจังหวะงามๆ  สีสดสวย ก็ได้แต่เหลือไว้แต่ความทรงจำ ที่ยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด หรือภาษาเขียนได้

มาตอนนี้ มีกล้องพร้อมอยู่ในมือ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมเดินเล่นที่ริมน้ำเมือง Vinh Long   ที่เป็นเมืองหลวงจังหวัดในชื่อเดียวกัน เมืองนี้เป็นครึ่งทางของเส้นทางทัวร์สามเหลี่ยมปากน้ำโขง ระหว่างเมืองหมีเธอ (My Tho)  ไป เกิ่งเธอ หรือ คันโถ​(Can Tho)

ลงแพข้ามแบบไม่คาดคิดว่า ผืนฟ้าและเมฆที่อยู่แวดล้อมตะวันที่กำลังลับ จะสามารถระเบิดสีและอารมณ์ความรู้สึกออกมาบนแผ่นฟ้าตรงหน้าได้สวยงามขนาดนี้ ตะลึงจนต้องปล่อยกล้องในมือรันคลิปวิดีโอเวียดคลิปนี้ไปเรื่อยๆ  แบบไม่กลัวเมมโมรีหมด

การเดินทางวันนั้นคุ้มจริง...





รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

เปิดตาหาศัพท์หมวด ตอน ศัพท์สิ่งแวดล้อม (Environment)ภาษาอังกฤษ

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook
เวลาเรียนรู้ศัพท์ให้พยายาม มองหากลุ่มศัพท​์ มองหาศัพท์หมวด  หาชุดของความหมายที่มีอะไรเกี่ยวพันร่วมกันมาดู แบบนี้จะเข้าใจและเห็นความสัมพันธ์ของคำมากขึ้น 

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเรากำลังเรียนอยู่ ไม่ว่าในระดับมอปลาย ปริญญาตรี หรือปริญญาโท เวลาที่เราต้องเปิดตำรา หรือคู่มือวิชาที่เรียน ซึ่งแต่ละบท แต่ละหัวข้อ จะมีการให้ภาษาไทยมา แล้วทางคนเขียนหรืออาจารย์ที่สอนเราก็มักจะมีวงเล็บศัพท์ต้นตอที่เป็นภาษาอังกฤษเอาไว้ 

ก็ให้เอาตัวทั้งไทยและตัวศัพท์ฝรั่งแยกจดออกมาใส่กระดาษซักแผ่นนึง เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดไม่ต้องเอามา เอาแต่ตัวศัพท์กับความหมายนิดหน่อย แบบนี้จะช่วยให้เราผ่านตาศัพท์สำคัญในวิชาที่เรียน และจะช่วยให้เข้าใจวิชาได้ดีขึ้น 

เช่น ลองดูศัพท์ฝรั่งด้านสิ่งแวดล้อม กันเป็นตัวอย่าง


  • Environment  แปลว่า สิ่งแวดล้อม 
  • Organism  แปลว่า สิ่งมีชีวิต 
  • Population แปลว่า ประชากร สิ่งมีชีวิตทั้งหมดชนิดเดียวกัน อาศัยอยู่ในแหล่งเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • Community  แปลว่า กลุ่มสิ่งมีชีวิต  ชุมชน แปลว่า สิ่งมีชีวิตต่างๆ  มาอยู่รวมกันในบริเวณโดยมีความสัมพันธ์กันทั้งทางตรงและทางอ้อม
  • Biosphere แปลว่า  โลกของสิ่งมีชีวิต  คือ ระบบนิเวศหลายๆ แห่งมารวมกัน เคยมีแปลว่า "ชีวาลัย"  มาจาก ชีวา+อาลัย  แต่ผมว่ามันเป็นภาษาแขกมากไปหน่อย 
  • Habitat แปลว่า แหล่งที่อยู่  แหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ 

ถึงเป็นศัพท์ยาก แต่พอเราเอามาจัดเรียงให้เป็นหมวดจะช่วยให้ทำอะไรได้คล่องขึ้น จำติดตาง่ายกว่า และทำให้ความเข้าใจในวิชาที่เรียนดีขึ้น  และที่สำคัญ หากต่อไปคิดจะเรียนต่อต่างประเทศ  ศัพท์ที่สะสมเอาไว้ในขั้นตอนนี้จะช่วยให้เข้าใจดีมากกขึ้นเวลาไปเรียนต่อตามสาขาวิชาที่เรียนครับ




รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 10, 2555

non รากศัพท์อังกฤษภาคปฏิเสธ ที่โคตรจะเป็นประโยชน์

โดย มารพิณ
 www.facebook.com/marnpinbook

ในบรรดารากคำ รากศัพท์ ไอ้พวกตัว "แปะหน้า"  ที่เอาไปวางไว้หน้าคำอื่น แล้วทำให้ความหมายเปลี่ยน "ในทางปฏิเสธ"  หรือ "ไม่" และ "ไม่ใช่" แบบนี้มีประโยชน์ที่สุดที่จะเรียนรู้เอาไว้ทำพันธุ์ศัพท์อังกฤษของเราต่อไป  เพราะพอเราดึงรากออก ก็จะได้อีกความหมายตรงข้ามทันที

วันนี้เรามาแวะเรียนพรีฟิกซ์กันซักตัว
non-

งานนี้  non- : หมายถึง ไม่มี ปราศจาก หรือ ไม่ ไม่มีในเชิงปฏิเสธ ( absence  หรือ negation) ตัวอย่างเช่น

  • nonsmoker    แปลว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
  • nonalcoholic ใช้ขยายเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
  • nonexistence   ออกเสียงว่า นอน เอ่กซิ่สเต่น   แปลว่า  ไม่ปรากฏอยู่ ไม่มี
  • nonfiction    ออกเสียงว่า น้อน ฟิ่ก ฉั่น  ความหมายคือ หนังสือ หรือเรื่องราวที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย
  • nonfat   อ่านว่า หนอน แฝ่ต  แปลว่า  ใช้กับอาหารที่ไม่มีไขมัน หรือมีไขมันอยู่น้อยมาก
  • nonprofit  อ่านว่า หนอน พร๊อ ฝิ่ต   ใช้กับองค์กร หรือหน่วยงานที่ไม่มีวัตถุประสงค์หากำไร เช่น มูลนิธิ
  • nonviolent  แปลว่า ไม่ใช้ความรุนแรง อหิงสา เช่น ประท้วงโดยสันติ
  • nonstop  แปลความหมายก็คือ  ไม่หยุด ต่อเนื่องโดยไม่ชะงัก
  • nonproliferation  ออกเสียงว่า หนอน โพร่ ลิ่ฝ เฝ่อะ เร๊ ฉั่น    แปลว่า การไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ 
*หมายเหตุ ทิ้งประเด็นไว้ตรงนี้นิดนึงว่า ในภาษาอังกฤษ การใช้ Non บางทีเขาใช้เครื่องหมาย ไฮเฟน หรือ -  เชื่อมคำแทน เช่น  nonalcoholic   เป็น non-alcoholic  อะไรแบบนี้เป็นต้น ถ้าเราไปเจอการใช้ที่ต่างไป ผิดไปจากนี้ ก็ถือว่าอนุโลมใช้กันได้ครับ  ....อย่าไปคิดมากครับ ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรผิดหมด ถูกหมดหรอกครับ

ทีนี้คำจากข้างบนที่เราเอา non ออกมาแล้ว ก็จะเหลือคำแท้ๆ  ของหมดที่มีความหมายตรงกันข้ามแบบหน้ามือเป็นหลังตีนทันที  ดังนี้ครับ ได้ศัพท์ติดหัวเพิ่มอีกบานเลย พ่อเจ้าประคุณเอ๋ยยยย...

  • smoker  แปลว่า ผู้ที่สูบบุหรี่
  • alcoholic    ใช้ขยายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  หรือมีแอลกอฮอลล์ ผสมปนอยู่
  • existence   แปลว่า ไม่ปรากฏอยู่ ไม่มี
  • fiction    แปลว่า  หนังสือนิยาย เรื่องแต่ง ศัพท์โบราณภาษาไทยเรียกว่าเรื่องประโลมโลก แต่ผมว่าคำนี้มันดูถูกนิยายมากไปหน่อย 
  • fat   แปลว่า  ไขมัน  คำว่า fat นี้ไม่ได้แปลว่า อ้วนเพียงอย่างเดียวใช้เรียก มัน หรือไขมันได้ด้วยครับ  ใช้กับอาหารที่ไม่มีไขมัน หรือมีไขมัน
  • profit   แปลว่า กำไร เช่น มูลนิธิ
  • violent แปลว่า  ความรุนแรง  รุนแรง อย่างโหด 
  • stop แปลว่า หยุด  หรือชะงัก
  • proliferation  แปลว่า แพร่กระจาย การกระจายขยายวงออกไป

วันนี้ได้หลายคำเลย  แล้วพบกันใหม่ครับ

รวมหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ

รวมลิงก์หนังสือมารพิณ

 ใครที่คิดว่าเรื่องราวภาษาอังกิดที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆ ใน Facebook ด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)