วันศุกร์, ตุลาคม 30, 2558

เช้านี้ที่ภูทับเบิก หมอกหนา อากาศปิด foggy day at Phu Tub Berg




เมื่อเช้าตื่นมาแต่ตีห้า  ไปชมวิวที่ภูทับเบิกอำเภอหล่มเก่าจังหวัดเพชรบูรณ์มาครับก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเพราะว่าทะเลหมอกที่คาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นกลับไม่ได้เห็นเพราะว่าตัวหมอกขึ้นมาปกคลุมจุดชมวิวจนหมด เป็นสภาพอากาศปิดมองไม่เห็นอะไร



โดย มารพิณ

แต่ก็มีความงามตามธรรมชาติและเย็นชุ่มฉ่ำไปอีกแบบครับ ก็ถือว่าชดเชยกัน ภาพทั้งหมดนี้ก็เลยเก็บมารวบรวมฝากไว้เผื่อใครจะวางแผนที่จะไปเที่ยว ที่ภูทับเบิกนะครับจังหวัดเพชรบูรณ์ในอนาคต

 วันที่ถ่ายมาเป็นวันธรรมดาครับคือวันพฤหัส แต่ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ น่าจะ มีขนขึ้นกันไม่น้อยเลยทีเดียวหน้าหนาวแบบนี้รับรองว่าคนนแน่นแน่ ให้ระวังด้วยนะครับเพราะว่าคนเดินทางไปกันเยอะและขับขึ้นภูในช่วงหมอกลงหนา จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะหมอกออกจะหนามากในช่วงเช้า


นักท่องเที่ยวในหมอกที่ภูทับเบิก



จุดสูงสุดของภูทับเบิก

ลานกางเต้นท์วิสาหกิจชุมชนภูทับเบิก




เลือนหายในหมอกหนา 

 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ

5 ข้อคิดนอนเต้นท์ภูทับเบิก




โดย มารพิณ


มีคำแนะนำเรื่องการนอนเต้นท์ที่ภูทับเบิก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ นักท่องเที่ยว จากกรุงเทพที่มาเที่ยวอำเภอหล่มเก่าจังหวัดเพชรบูรณ์ครับ
อันที่จริง ไอเดียพรุ่งนี้เอา ไว้ปรับใช้กับที่พักกางเต้นแบบอื่นก็ได้ในเมืองไทย แต่ว่าที่อื่นอาจจะไม่ได้หนาวเท่ากับที่ ภูทับเบิกที่มีอากาศเย็นมาก ยกเว้นที่ภูกระดึง หรือบางที่ เช่นดอยอินทนนท์
1) ถูกกว่าแต่หนาวนะเว้ย
อย่างแรกก็คือ อากาศที่ภูทับเบิก มีความหนาวเย็นมาก การนอนเต้นท์จะต้องจัดเต็ม ในเรื่องอุปกรณ์และความพร้อม ในด้านการกันหนาว อากาศ จะหนาวเย็นมากเวลากลางคืน เพราะว่าพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณตั้งแต่  1600 เมตร ไปจนถึง  1700 เมตรกว่า เพราะฉะนั้นอากาศเย็นทั้งปี ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าไหน หน้าร้อนกลางคืนที่นี่ก็จะเย็นและหนาว
อีกข้อที่ควรจะต้องระวังก็คือ ปกติแล้วเวลาที่นักเดินทางหรือเดินป่าเขากางเต็นท์กันมักจะกางในบริเวณที่หลบมุม ไม่มีลมพัดโกรก เพราะว่าอากาศจะอุ่นกว่า และสะดวกในเรื่อง ไม่เจอปัญหาเรื่องความหนาวเย็นเวลากลางคืน
แต่ที่ภูทับเบิก ปัญหาก็คือ การเลือกจุดกางเต็นท์ คำนึงถึงเรื่องวิวมากกว่าและพื้นที่มีจำกัดเนื่องจากบริเวณจุดชมทะเลหมอกมีน้อย ดังนั้นเต้นท์เป็นจำนวนมากจะหันหน้าเข้าหากลมหรืออยู่บริเวณช่องลม ทำให้มีลมพัด และมีอากาศหนาวเย็นมากในเวลากลางคืน
ย้ำว่าอย่าเอาเตาถ่านติดไฟเข้าไปไว้ใน เต้นเป็นอันขาดเพราะมีอันตรายจากก๊าซ ที่เกิดจากการเผาไหม้ของถ่านไม้

2) เพื่อนบ้านเลือกไม่ได้
ถึงแม้จะมีป้ายบอกว่าห้ามส่งเสียงดังหลัง 4 ทุ่ม แต่ก็ควรเข้าใจว่าคนไทยก็คือคนไทย ทำอะไรตามใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่นี้เต้น มันก็คือผ้าใบหุ้มโครง เก็บเสียงอะไรไม่ได้เวลาที่มีคนเมาอยู่ข้างเต็นท์หรือบริเวณใกล้เคียง ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ หรือกลุ่มคนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ส่งเสียงดังเฮฮา ตามประสาเพื่อนฝูงเรื่องแบบนี้ก็ ต้อง ทำใจ เพราะว่าการเก็บเสียงนี่ไม่เหมือนแบบเป็นที่บ้านพักแน่

3)ถ้าจะนอนเตนท์ควรวางแผนมาก่อน
บางคนอาจวางแผนที่จะมานอนบ้านแต่เนื่องจากบางช่วงมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ ไม่สามารถพักในบ้านได้ต้องมานอนเต็นท์เรื่องนี้ก็จะเป็นปัญหา
ถ้าใครเตรียม  ตัวมาไม่พร้อมไม่มีชุดกันหนาว ไม่มีถุงนอนถุงเท้า รับรองว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นหนักแน่ และเย็นจนนอนไม่หลับ แม้จะอยู่ในเต้นทก็ตาม
มีทางเลือกในโอกาสที่หนาวมากๆ และรู้สึกว่านอนเต้นไม่ไหวแล้ว ให้หนีเข้ามานอนในรถยนต์ ถึงแม้จะคับแคบ แต่ก็จะอุ่น ห้ามเปิดเครื่องติดเครื่องรถยนต์ อาจมีอันตรายถึงชีวิต จากก๊าซไอเสียได้

4) ออกจากเต้นท์มาฉี่ตีสาม ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ
การนอนเต้นท์ถึงแม้จะดูโรแมนติกแต่ก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก ในเรื่องการเข้าห้องน้ำเพราะต้องใช้ห้องน้ำรวม ถึงแม้ในช่วงที่ไม่มีคิว แต่ลองนึกภาพว่าถ้าเราต้องตื่นกลางดึก เวลาตี 2 ตี 3 อากาศหนาวจัดอุณหภูมิอาจจะลงต่ำกว่า 10 องศาแล้วต้องเดินไปที่ห้องน้ำรวม การใช้ชีวิตคงไม่ค่อยสนุกแน่

5) ชารจ์แบตคือปัญหาใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาสำคัญสุดท้ายของคนเดินทางยุคดิจิตอลก็คือ การนอนเต็นท์ไม่มีปลั๊กให้ชาร์จไฟ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ power bank notebook หรือ laptop  รวมทั้งกล้องดิจิตอล การชาร์จไฟ จะเป็นเรื่องและปัญหายุ่งยาก และปัญหานี้จะซ้ำหนักยิ่งขึ้นเพราะว่า เวลาที่อากาศเย็นในตอนกลางคืนและตอนเช้าจะทำให้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ต่างๆ สิ้นเปลืองพลังไฟมากขึ้น

วิวทะเลหมอกมีสองแบบ




โดย มารพิณ

เรื่องของการไปดูทะเลหมอกมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นได้สองสามอย่างครับ อย่างแรกก็คือได้เห็นทะเลหมอกสมใจ แต่ถ้าสังเกตสักนิดจุดที่เรายืนดูทะเลหมอกจะอยู่พ้นสูงขึ้นมาจากทะเลหมอกที่เห็นเบื้องล่าง
แบบที่ 2 คือไม่เห็นทะเลหมอกเลยอาจจะเป็นเพราะว่าอากาศเย็นไม่พอหรือพื้นที่บริเวณนั้นไม่ค่อยมีความชื้น

แต่แบบที่ 3 ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็คือ มอบมันปกคลุมหมด จนเรามองไม่เห็นทะเลหมอกเพราะจุดที่เราชมวิวจมอยู่ภายใต้ทะเลหมอกสเอง เหมือนเราอยู่ใต้น้ำก็มองไม่เห็นทะเล เพราะเราจมอยู่ใต้ทะเลเรียบร้อยแล้ว อย่างเดียวกันการไปดูทะเลหมอกบางครั้ง เราก็ไม่เห็นอะไร เพราะ ทะเลหมอกมันขึ้นมาปกคลุมจุดชมวิวหรือบางทีก็มีลมแรงสีหมอกขึ้นมาปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไรถึงแม้ก็จะสวยอีกแบบแต่จะไม่มีโอกาสเห็นตัวทะเลหมอก เวลาเกิดเหตุแบบนี้มักจะเกิดเป็นวัน แสดงว่าวันนั้นจะไม่มีทะเลหมอกให้เราเห็น ก็ถือเป็นโชคร้ายไปสำหรับใครที่คลั่งไคล้ในการถ่ายภาพวิวทะเลหมอก
ภาพที่เห็นทั้งสองภาพ นี้ถ่ายมาจากภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์อำเภอหล่มเก่า ให้เห็นว่าหมอกเข้ามาปกคลุมหมดทุกจุดเป็นสภาพอากาศปิด มองไม่เห็นฟ้า และไม่เห็นทะเลหมอก

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 29, 2558

ราตรีนี้ที่เมืองภูทับเบิก Phu Tub Berg Nightlife





โดย มารพิณ

เก็บบรรยากาศของภูทับเบิก ยามกลางคืนมาฝากกันครับ บริเวณนี้เป็นจุดรวมของที่พักและร้านอาหารในบรรยากาศของเมืองภูเขา และใกล้จุดสูงสุด ที่ในตอนเช้าจะเป็นทำเลที่เหมาะมากในการชมทะเลหมอก







สำหรับช่วงกลางคืนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทางและบางคนก็ออกมาหาอะไรทานแต่บางคนก็ออกมาหาชุดเสริมเพราะว่าไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับอากาศหนาวมาหรือบางคนคิดว่ายังขาดอะไรบางอย่าง. ีเพราะแต่งตัวไม่เทพพอ ต้องมาจัดเต็ม เพิ่มผ้าพันคอหมวกน่ารักหรือแม้แต่เสื้อหนาว

วิวและความรู้สึกแบบนี้ให้นึกถึงภาพเมืองที่มีอากาศหนาวอย่างบางประเทศในยุโรปหลายเมืองในประเทศจีนหรือเมืองภูเขาอย่างดาลัดและซาปาในประเทศเวียดนาม


ใจผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ภูทับเบิกได้รับความนิยมขึ้นมาหรือแม้กระทั่งดอยแม่สลองในสมัยก่อนที่มีความนิยมขึ้นมาก็เพราะว่าเมืองไทยยังขาดพื้นที่การท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นเมืองภูเขาในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว

คืนนี้ผมขึ้นมา แบบไม่ได้เตรียมตัวเดี๋ยวก็คงต้องหาร้านนั่งและจิบกาแฟหรือชาร้อนร้อน กันสักหน่อยครับ


 ติดตามคลิปเที่ยว ข้อมูลเดินทาง http://www.youtube.com/user/feelthai
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ

ห้องน้ำเทพสวรรค์

เก๋ดีครับป้ายห้องน้ำ ที่ปั๊มแก๊ส lpg  แถวอ่างทอง บางทีเวลาเดินทางก็เจออะไร แบบนี้เสน่ห์อย่างหนึ่งของห้องน้ำก็คือการแข่งขันคิดไอเดียนำเสนอเรื่องธรรมดาให้เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา

อย่างป้ายห้องน้ำที่เราเห็นกัน ทั่วไป ที่อย่างร้านนี้ทำให้ทุกคนเป็นเทวดาและนางฟ้าในคติฝรั่งทั้งหมด งานอาร์ตก็ดูเท่ดีด้วยครับ

วันจันทร์, ตุลาคม 26, 2558

ตัวอย่างแบบฟอร์มกรอกวีซ่าจีน chinese visa application form





ตัวอย่างแบบฟอร์มกรอกขอวีซ่าจีน เวอร์ชั่นล่าสุดครับ ผมเพิ่งได้มาเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2558 2015  นี้นี่เองโดยแวะไปที่ออฟฟิศเปิดใหม่ของ ที่ขอวีซ่าเมืองจีนที่อาคารธนภูมิชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม
่การกรอกวีซ่าจีนสามารถกรอกเป็นภาษาอังกฤษนะครับไม่จำเป็นต้องกรอกเป็นภาษาจีน

ดูรายละเอียดว่าจะต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้างได้ตามตัวอย่างที่ผมถ่ายภาพมานี้  สามารถเปิดดูเป็นภาพใหญ่ได้ วังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เดินทางไปเที่ยวประเทศจีนและหาข้อมูลวีซ่าจีน ไปเที่ยวแบคแพคเมืองจีน
ซึ่งเดี๋ยวนี้จะขอยากกว่าไปเมื่อสมัยก่อนโดยเฉพาะวีซ่าแบบ multiple หรือเข้าได้หลายครั้ง ยังไงก็สอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มเติม  

ส่วนใครอยากทราบทางไปที่ขอวีซ่าจีนแห่งใหม่ ที่ย้ายไปถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ให้ดูตามลิงก์ด้านล่างนี้ 

ทางไปที่ยื่นวีซ่าจีน อาคารธนภูมิ

ที่ขอวีซ่าจีนย้ายใหม่อยู่ที่ไหน ตึกธนภูมิ New Chinese Visa office in Bangkok 2015



ตึกธนภูมิมีน้ำพุด้านล่าง 

โดย มารพิณ

วันนี้พามาดูลายแทงทำวีซ่าเมืองจีนครับมาแนะนำการเดินทางไปที่ ทำการออฟฟิต เพลงใหม่ สำหรับคนที่ขอวีซ่าจีนนะครับ คนยังงงอยู่มากว่าที่ขอวีซ่าจีนอยู่ที่ไหน  เพิ่งย้ายมาหมาดๆ


Chinese Visa Application service center in Bangkok


เมื่อไม่ถึงเดือนมานี้ ทางสถานทูตจีนได้ย้าย พื้นที่ขอวีซ่าจากบริเวณเดิมที่อยู่ในซอยติดกับสถานทูตจีนแถวรัชดามาอยู่ที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งตัวอาคารจะอยู่ระหว่างแยกมักกะสันและแยกสถานทูตญี่ปุ่นเก่า(ไม่ห่างจากโรงเรียนดอนบอสโก)  โดยจะอยู่ติดกับตึกทททห รือตึกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่หน้าอาคารมีจุดสังเกตก็คือ มีลานน้ำพุขนาดใหญ่ มีน้ำพุหลายจุด และมีโชว์รูมของรถยนต์ Saab. ติดป้ายอยู่ ที่ตึกข้างๆ
ตัวออฟฟิศขอวีซ่าไปจีนที่ชั้น 5  

ขึ้นลิฟต์ที่ฝั่งติดธนาคารธนชาต


ที่ขอวีซ่าจะเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นอยู่ที่ชั้น 5 อาคารธนภูมิเวลาขึ้นให้ขึ้นลิฟต์ ที่อยู่ทางขวาติดกับธนาคารธนชาต กดขึ้นไปที่ชั้น 5 เลย ตามภาพที่แสดงให้ดูครับ ส่วนใครที่จะนั่งรอเพื่อนหรือรอติดต่อชั้นล่างจะมีร้านกาแฟส่วนชั้น 2 จะมีทั้งร้านกาแฟร้านอาหารและร้านบะหมี่ราเมงญี่ปุ่นรวมทั้งร้านบริการไปรษณีย์ก็มีที่ชั้น 2 ของอาคารเช่นกัน

มาจากทางแยกมะกะสันจะเห็นป้ายโชว์รูมรถยนต์อยู่ทางขวา จุดสังเกตไปตึกธนภูมิ

ป้ายอาคาร Thanapoom  ที่ยื่นวีซ่าเมืองจีน



ตึก ททท จะอยู่ติดกันตามภาพด้านบน


ฝั่งตรงข้ามตึกธนภูมิถนนเพชรบุรี
  การเดินทางไปน่าจะมีปัญหาไม่สะดวกเพราะว่าถนนเพชรบุรีจะมีปัญหารถติดพอสมควรถ้าไปทางรถใต้ดินจะสะดวกกว่าขึ้นที่สถานีตามที่บอกครับแล้วต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปประมาณ 200 กว่าเมตรหรือจะเดินก็ได้


มารถไฟฟ้าออกสถานีเพชรบุรี  ทางออก 2  แล้วเดินต่อ

แยกสถานทูตญี่ปุ่นเก่า

ข้อมูลนี้อัพเดทล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เดือนตุลาคมปี 2558 หรือ 2015 ครับส่วนใครที่จะดูแบบฟอร์มของสถานทูตจีนการกรอกวีซ่าว่าแบบฟอร์มหน้าตายังไงก็ดูได้ตามลิงค์ด้านล่างครับผม

แบบฟอร์มขอวีซ่าจีน
http://feelthai.blogspot.com/2015/10/chinese-visa-application-form.html

 ติดตามคลิปเที่ยว ข้อมูลเดินทาง http://www.youtube.com/user/feelthai 
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ

วันเสาร์, ตุลาคม 24, 2558

ข้าวเกรียบงาเมืองเพชร ของดีที่ถูกลืม Phetchburi dessert

เด็กสมัยนี้พอพูดถึงเมืองเพชรก็คงรู้จักแต่ขนมหม้อแกง หรือไม่งั้นก็ไม่รู้จักอะไรเลย แต่ถ้าย้อนไปในอดีตความทรงจำ ยังมีขนมอีกอย่างหนึ่งที่จริงแล้ว เป็นของขึ้นชื่อของเมืองเพชรบุรี เป็นสุดยอด otop ประจำจังหวัดเพชรบุรีเลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้ คนหลงลืมกันไปหมด เพื่อนเลย ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ครับ 

ที่เห็นในภาพข้างบนก็คือข้าวเกรียบ งา ของจังหวัดเพชรบุรีครับ เขาใช้เป็นงาดำ เอามา ใส่กับมะพร้าวที่หั่นซอยละเอียด คนอยู่กับแป้ง ส่วนผสมของ ขนมเมนูนี้ก็คือ แป้งข้าวเจ้า มะพร้าว น้ำตาล เกลือ งาดำ

วิธีทานก็คือ เอามาปิ้งไฟถ่านอ่อนๆ อังไฟเอาไว้สักหน่อย   มันจะค่อยค่อยสุกหอม กรอบน่าทาน

รสชาติสุดยอดมากครับ ส่วนใครที่ ขี้เกียจ ไม่อยากรอนานน ก็ สามารถใช้วิธีที่กินเลยก็ได้แต่มันจะเหนียวเหนียวหนึบเลย เคี้ยวยากสักหน่อยแต่บางคนอย่างเพื่อนผมก็บอกว่า รสชาติมันมันแบบ  ในอีกสไตล์นึง

สมัยก่อนมีขายกันหลายสิบเจ้า อวดัว่าของตัวเองได้รับรางวัล แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนเหลืออยู่แค่ไม่กี่เจ้าแล้ว เชิญคนไปรู้จักแต่ขนมหม้อแกง หรือทองหยิบทองหยอด  ขนมฝอยทอง  กันหมด

บูธมารพิณในงานหนังสือ

งานหนังสือเจอกันที่บูธจี 05 เพลเนอรีฮอลล์ครับ

มีคนถามเรื่องหนังสือใหม่ก็ต้องตอบตามตรงว่าต่อไปผมคงจะไม่ค่อยได้เขียนในรูปแบบของหนังสือกระดาษ อีกแล้ว อนาคตก็คงจะเขียนเป็น ในบล็อก  Feelthai.blogspot.com หรือเป็นคลิปวีดีโอในยูทูป  YouTube.com/Feelthai

ก็คงเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย สาเหตุก็มีหลายเรื่อง ทั้งการเปลี่ยนแปลง ของผู้อ่าน ที่ต่อไป จะเข้าถึง content ผ่าน  digital ทั้งหมด  และ ระบบการจำหน่ายหนังสือเมืองไทย ยังไม่ค่อยมีการให้ความสำคัญกับนักเขียนและตัวหนังสือ ที่เป็นหนังสือนอกกระแสมากนัก

ถ้ามีงานในรูปแบบหนังสือกระดาษอย่างเดียวตัวนักเขียนก็คงจะอยู่ไม่ได้ และตลาดหนังสือไทยไม่มีพื้นที่ให้หนังสือเก่า ที่ยัง ขายได้เรื่อยๆ มีคนซื้อ แต่ปริมาณไม่มากพอ ที่จะทำให้ร้านหนังสือทำกำไร

สรุปก็คือต่อไปคงจะแค่ไม่มีหนังสือกระดาษออกมา ดังนั้นถ้าใครยังสนใจอ่านผลงานของมารพิณ ก็ ติดตามได้ จากบูธ หนังสือในงานหนังสือ หลายเล่มคิดว่าพอหมดแล้วก็จะหมดเลย ไม่มีพิมพ์มาอีก

วันนี้ก็มาแจ้งข่าว  เรื่องบูธหนังสือของมารพิณ  งานสัปดาห์หนังสือครับ ก็คืองานหนังสือหมวดเดือนตุลาคมนี้ ปี 2558 หรือ 2015 ก็จัดกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตเหมือนเคยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 21  ตุลาคม มีไปเรื่อยๆจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน

เจอกันได้ที่ในเพลนรีฮอล ในศูนย์ประชุมสิริกิต ที่บูธจี 05  ใกล้ๆกับทางเข้า ที่เป็นห้องใหญ่สูง หลังคาสูงนั่นเอง

หนังสือที่มีวางจำหน่ายก็มีภาษาอังกฤษร้ายสาระ  ซึ่งเป็นเล่มเดียวที่ยังมีวางจำหน่ายทั่วไปในร้านซีเอ็ด ส่วนอื่นที่ไม่ได้มีวางจำหน่ายแล้ว แต่มีขายที่บูธ ก็ได้แก่  สนทนาภาษาจีนฉบับจิีมชี้ิเที่ยว  ภาษาอังกฤษ วิชามาร  snake fish fish ภาษาอังกฤษเที่ยวนอก แบ็คแพ็คเกอร์แบกเป้ท่องโลก แบคแพคเอเชียคู่มือท่องเที่ยวเอเชีย แต่เล่มหลังนี้ผมไม่ค่อยแนะนำเพราะว่าเส้นทางจะเก่าแล้ว ไม่ได้อัพเดทไม่ได้ update  แต่ถ้าจะดูเป็นไอเดียก็ได้

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 22, 2558

ร้านข้าวต้ม 3/1 ซอยแปลงนามเยาวราช bangkok china town restaurant

วันนี้เพื่อนมาทานข้าวมาทานข้าวที่ร้านข้าวต้ม 3/1 ซอยแปลงนามเยาวราชครับ. กับข้าวอะไรอย่างหน้าตาน่าทานมากผมสะดุดตาที่กระเพราะปลาผัดแห้งไม่เคยเห็นอะไรน่าทานอย่างนี้มาก่อนเลย  อิอิ

ร้านนี้ยังมีจุดเด่นอีกอย่างก็คือว่าเขาเปิด 24 ชั่วโมงครับแบบว่าตลอดเวลาไม่มีหยุดเจอกันได้ที่ซอยแปลงนาม ทางด้านราคาก็จะประหยัดกว่าแต่ว่าจะต้องเดินเข้าซอยแปลงนามจากถนนเยาวราชเข้ามาอีกหน่อย

วันพุธ, ตุลาคม 21, 2558

งานAPHTRO, Asia Pacific Heritage and Tourist Rail Organisation ที่สถานีกรุงเทพ

วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับที่ได้ รับเชิญจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมพูดคุยเสวนาในหัวข้อการท่องเที่ยวทางรถไฟ รวมกับท่านอื่นบนเวทีอีกหลายท่านได้แก่ ดร. เคียวโํอชิ โอดะ  คุณทรงกลด บางยี่ขัน และท่านอื่นอีกหลายท่าน

และได้ เข้าร่วมงานพิธีเปิดรถไฟไทยที่สถานีรถไฟกรุงเทพ และประกอบกับมีการประชุมของAPHTRO, Asia Pacific Heritage and Tourist Rail Organisation  ที่กรุงเทพ ครับ

วันอังคาร, ตุลาคม 20, 2558

วิธีเก็บเงินเที่ยวนอก ต้องเปลี่ยนวิธีคิด save money for foreign trip

บางคนบอกว่า ไปเที่ยวต่างประเทศมันแพงเก็บเงินไม่ได้ ซึ่งก็ คงจะถูกเพียงครึ่งเดียวเพราะถ้าไปประเทศแพงอย่างไปยุโรปหรือญี่ปุ่น เงิน ก็คงไม่พอที่จะ ไปไว้สำหรับทุกคน แต่ว่าถ้าไปเที่ยวประเทศแถวนี้ยังเวียดนามเขมร อินโดนีเซีย ลาว ราคาค่าใช้จ่ายค่าครองชีพก็ไม่ได้แพง มากจนเกินเอื้อม เราสามารถเก็บเงินได้

มาคำถามว่าเก็บเงินได้อย่างไรกัน ก็ต้องตัดค่าใช้จ่ายบางอย่างออกไปครับตัวอย่างเช่น ตั๋วหนัง อย่างที่ผมจ่ายไป ดูหนังเรื่อง the martian  ราคาก็ 140 บาทตีเสียว่าตกประมาณ  5 ดอลลาร์ ซึ่งนี่ก็ค่าเท่ากับค่าที่พัก  1 คืนในประเทศเวียดนาม หรือเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาที่เราจะหา โรงแรมเล็กๆ  guest house  แบบห้องเดียว ห้องน้ำในตัว  มีแอร์มี wifi  นอน 2 คนราคาประมาณ 10-12 ดอลลาร์ได้ ถ้าเรามีเพื่อนไปด้วยหารค่าห้องคนละครึ่ง แบบนี้ถ้าดูให้ดีคำนวณให้ออกจะเห็นว่าค่าตั๋วใบนี้ก็เท่ากับค่าห้อง 1 คืนที่เราหารกับเพื่อนแล้ว

เราดูหนังในโรง ภาพยนตร์  ที่กรุงเทพ ก็เท่ากับเราโยนเข้าห้อง ค่าที่พัก  1 คืนในต่างแดนทิ้งไป  นี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นอย่างเช่นถ้า popcorn ชุดใหญ่ราคาเทียบออกมาแล้วประมาณ 10 ดอลล่า ฯลฯมากมาย

หรือค่าอาหารชุด ทำร้าน fast food ต่างๆราคา 110  ถึง120 บาท ค่า แท็กซี่  100 ถึง 200 บาท ที่เราใช้จ่ายประจำ ค่าเบียร์ ที่เมืองไทยแพงมาก หรือค่าใช้จ่ายอื่น ที่กินเงินเราไปโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งค่ากาแฟร้านหรู ราคาตั้งแต่ 90 ถึง 120 บาท

ค่าใช้จ่ายพวกนี้ จะทำให้ เงินเราหมด เพราะแต่ละอย่าง ถ้าเราเอาไปใช้จ่ายต่างประเทศ เวลาเดินทางเที่ยวแบคแพคจะอยู่ที่ประมาณ พอพอกับค่าที่พัก  1 คืน ในแบบที่เราหารกับเพื่อน อย่างที่อธิบายให้เห็น

ดังนั้นถ้าเราเห็นตรงนี้ก็จะสามารถประหยัดได้ถูกจุดและ save ค่าใช้จ่ายได้ การเดินทางไปเที่ยวนอกในแบบแบคแพค สไตล์ที่เราเลือกเองได้ก็จะอยู่ไม่ไกล เกินฝัน

ดอนเมืองเตรียมเปิดอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 dmk airport new terminal number 2 under construction

วันก่อนแวะไปรับเพื่อนที่สนามบินดอนเมืองจอดรถที่อาคารจอดรถ 7 ชั้นตอนเดินผ่านมาที่อาคาร terminal 1 อาคารผู้โดยสาร 1 ก็พบว่าตอนนี้กำลังมีการเตรียมการปรับปรุง อาคาร terminal 2 ให้กลับมาใช้งานได้ไหม่โดยจะมีการขยายช่องเช็คอินของสายการบินให้มากถึง 13 ช่องทาง

และถ้าดูจากป้ายในอาคารที่ยังปรับปรุงไม่เสร็จนี้ดูเหมือนว่าเขาจะย้าย สายการบิน ที่บินในเส้นทาง ภายในประเทศหรือโดเมสติค  ให้มาอยู่ที่อาคารนี้ แทน ในอนาคต

สภาพการตกแต่งตอนนี้น่าจะเสร็จแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าตอนเดินผ่านมีการเปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศเต็มพื้นที่จนเย็นออกมาถึงข้างนอกคิดว่าคงเป็นการทดสอบความพร้อม ขั้นสุดท้ายของทางการท่าอากาศยาน

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือถึงแม้ช่องเช็คอินจะมีสิ่งเลขที่ช่อง 14 แต่ไม่มีช่องเช็คอินหมายเลข 13 นี่ก็คือคงจะเป็นการถือโชคลางอะไรบางอย่างตามคติฝรั่งที่ถือว่าเลข 13 ไม่เป็นเลขที่เป็นมงคล