วันอาทิตย์, มีนาคม 10, 2556

เส้นทางไปไต้หวัน



โดย มารพิณ

แวะเที่ยว  หน้ารวมข้อมูลเที่ยวเอง-backpack-แบกเป้
ดูคลิปการเดินทาง  www.youtube.com/user/feelthai
มองหา ข้อมูลที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ไต้หวัน 

ไต้หวันเป็นประเทศที่คนไทยไปมากเหมือนกันในแต่ละปี แต่โดยมากมักจะไปทำงานเป็นแรงงาน กับพวกที่ไปเพราะต้องติดต่อธุรกิจการงาน   เพราะประเทศนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอิเลกทรอนิกส์สำคัญของโลก

ดู ข้อมูลที่พักในไต้หวัน
 ส่วนเรื่องเที่ยวอาจไม่นิยมมากเท่า อาจเป็นเพราะถ้าคิดไปเที่ยวจีนแล้ว ไปจีนแผ่นดินใหญ่ก่อนน่าจะดี หรือเพราะค่าครองชีพสูงพอสมควรก็เป็นได้     แต่ต่อไปไม่แน่ครับเพราะตอนนี้เริ่มมีสายการบินโลว์คอสต์บินไปลงแล้ว

ไม่ว่าจะยังไง ไหนๆ   ถ้าต้องไปเยือนถึงถิ่นแล้ว   ก็น่าจะหาโอกาส “แว้บเที่ยว”   กันบ้าง   ความจริงแล้วไต้หวันที่เราเห็นมันเหมือนเป็นสองประเทศรวมอยู่ด้วยกันในประเทศเดียว   โดยที่เราคุ้นเคยจะเป็นแค่เมืองการค้าวุ่นวายในฝั่งตะวันตก

แต่ที่ซ่อนอยู่ในภูเขาสูงตอนกลางและทะเลฝั่งตะวันออก คือที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ   มากมาย ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็ได้แก่     ภูเขาอาลีซาน (Alishan : 阿里山) ที่เที่ยวธรรมชาติบรรยากาศภูเขาและทะเลหมอก หรือ   Sun Moon Lake   (日月潭 ) ที่เป็นบรรยากาศทะเลสาบและภูเขา


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ที่จะขอแนะนำอาจจะไม่ค่อยแบ็คแพ็คนักเพราะต้องเช่ารถขับเป็นดีที่สุด   คือที่ไต้หวันมีเส้นทางสายนึง เรียกว่าเป็นสุดยอดของบรรยากาศถนนเลียบทะเล เรียกว่า ขับรถไปเหมือนบินไป   บนเส้นทางหลวงสาย Su-hua     highway   ที่วิ่งจากไทเป Taipei (台北) ที่เป็นเมืองหลวงข้ามเขาผ่าน เมือง Pinglin (坪林) ที่เป็นแแหล่งผลิตชา ข้ามไปฝั่งทะเลตะวันออกของเกาะไต้หวันโดยทิวทํศน์งามๆ   จะเริ่มที่เมือง Yilan (宜蘭) ที่ทางจะมุ่งหน้าออกทะเล   ไปที่เมือง Su-ao (蘇澳) ที่เป็นเมืองท่าประมงสำคัญ   จากนั้นจะเลียบลัดเลาะผาและทะเลเวิ้งว้าง   ตรงไหนที่เป็นภูเขาก็เจาะเลาะเป็นอุโมงค์   วิวสวยแม้ในบรรยากาศฟ้าสีครามและทะเลหมอก

    ช่วงที่ใกล้เมืองเมือง   Hualien   (花蓮) ซึ่งเป็นปลายทางของช่วงที่สวยที่สุดนี้ จะมีแยกไปอุทยานแห่งชาติ Taroko (太魯閣國家公園)   ซึ่งมีช่องเขาสวยงามและเป็นช่องเขาที่น้ำเซาะผาหินอ่อนเป็นร่องซึ่งถ้าสนใจก็แวะเที่ยวได้     ถนนช่วงที่สวยงามที่สุดที่เรียกสาย Su-hua   นี้จะจบลงที่เมือง Hualien ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตะวันออก แต่มีบรรยากาศสบายๆ    

อย่างไรก็ตามถ้าใครยังไม่จุใจกับบรรยากาศชายทะเลก็สามารถเลียบทะเลลงไปจากหัวเหลียนด้วยถนนหมายเลข 11   ลงไปถึงเมือง Taitung   (台東) ที่อยู่ใต้ลงไป     ส่วนใครที่ไม่เช่ารถ   หรือขับรถไม่เป็นก็สามารถชมวิวเส้นทางสายนี้ได้โดยผ่านทางรถไฟจากไทเปที่ไปหัวเหลียน

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาแว๊บไปไกลๆ   พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไต้หวัน   (National Palace Museum -國立故宮博物院) คือที่นึงที่น่าจะแวะไปถ้าชอบอะไรเก่าๆ   และประวัติศาสตร์จีน   บอกคนบอกว่า อ้าว...ประวัติศาสตร์จีนทำไมไม่ไปดูที่ปักกิ่ง ไปดูวังต้องห้ามอะไรโน่น...

ขอบอกนิดนึงนะว่า ไอ้ที่โชว์ที่นี่นะของจริง เพราะตอนพรรคก๊กมินตั๋งล้มจักรพรรดิ์ปูยีและราชวงศ์เช็ง ก็ขนของเก่าสมบัติจักรพรรดิ์มาตั้งพิพิธ์ภัณฑ์   แล้วพอ เจียงไคเช็คแพ้เหมาเจ๋อตงก็ขนสมบัติพวกนี้มาที่เกาะไต้หวันนี้ทั้งหมด     มีมากกว่า   650,000 ชิ้น ดังนั้นไอ้ที่เราซื้อทัวร์ไปดูที่ปักกิ่งนั้น เป้นแค่ของเกรดรอง เพราะเฮียเจียงแกขนของดีมาไว้ที่ไทเปหมดเรียบร้อยโรงเรียนจีนกว๋อหมินต่าง (ก๊กมินตั๋ง)

วิธีไปคือขึ้นรถไฟฟ้า MRT   สายที่ไป   Danshui (淡水)   ให้ลงที่สถานี Shilin Station (士林)     นั่งรถบัสสาย R30 (Red 30) ไปที่พิพิธภัณฑ์   ค่าเข้าชม 160 เหรียญไต้หวันครับ

 ขอวีซ่าไต้หวันที่ไหน 
ถึงแม้เมืองไทยจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ สำหรับเรื่องวีซ่านั้นติดต่อได้ที่
 "สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย (Taipei Economic and Cultural Office in Thailand)"
 ชั้น 20 เอ็มไพร์ทาวเวอร์
195 ถ.สาทรใต้ กทม. 10120  
โทร 02-670-0200-9


 ใครที่คิดว่าเรื่องราว ข้อมูลการเดินทางที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามนะครับ เพราะเดินทางบ่อย คงมาตอบได้ไม่ทันใจ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ