วันศุกร์, กรกฎาคม 12, 2556

สนทนาภาษาอังกฤษสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบิน


โดย มารพิณ

แวะเที่ยว  หน้ารวมข้อมูลเที่ยวเอง-backpack-แบกเป้
ซื้อตั๋วเครื่องบินตั้งแต่อยู่เมืองไทย

ซื้อผ่านเอเย่นต์ขายตั๋ว หรือบริษัททัวร์ครับ หรือซื้อที่สำนักงานของสายการบินที่อยู่ในเมืองก็ได้ ปกติแล้วไม่มีใครถ่อสังขารไปซื้อตั๋วถึงที่สนามบินหรอก ถ้าเราไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ เขาจะจัดการทุกอย่างให้เราเสร็จว่าจะไปเที่ยวบินอะไร กลับเมื่อไหร่ หรือต้องใช้วีซ่าอะไรบ้าง แสดงหลักฐานอะไรบ้าง บริษัททัวร์เขาจะจัดการให้เราหมด

ถ้าเดินทางเองอย่าง แบบแบกเป้เที่ยว เราก็ซื้อตั๋วจากเอเยนต์ขายตั๋ว หรือพวกบริษัททัวร์ได้เหมือนกัน บอกเขาว่าเราจะไปวันไหน กลับวันไหน สายการบินอะไร รวมทั้งเรื่องวีซ่าด้วย เขามีบริการไปยื่นวีซ่าให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปเอง โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย (ถ้างงหรือมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เราก็สามารถถามเอเยนต์ขายตั๋วได้ครับ)

ควรจัดการเรื่องตั๋วไป-กลับให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในเมืองไทย เราจะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องนี้อีกในเมืองนอก ซึ่งถ้าไปซื้อที่โน่นโดยมากจะต้องใช้ภาษาในระดับที่ยากขึ้น

ถ้าจำเป็นต้องซื้อตั๋วต่างแดน
ยังไง ๆ ผมก็ไม่แนะนำให้ซื้อตั๋วเมืองนอกนะครับ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินในต่างแดนขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ให้ซื้อตั๋วออนไลน์จะดีกว่า ยุ่งยากน้อยกว่า ไม่ต้องสปี๊กอิงลิช  แต่ถ้าเราจำเป็นต้องซื้อหน้าเคานเตอร์สายการบินเวลาไปนอก  ก็ลองดูสไตล์ประโยคฝรั่งพวกนี้เอาเป็นไอเดียครับ

ลองมาใช้ประโยคพวกนี้แล้ว เติมชื่อเมืองที่เราต้องการจะบินไปลงในช่องว่างครับ

Is there a flight to …?
 (อิส แดร์ เอ ไฟ่ลท์ ทู.............) 
มีเที่ยวบินตรง ไปยัง.......มั้ย แล้วถามต่อว่า

When ? 
(เว็น) เมื่อไหร่ หรือจะถามว่า

When is the next plane to …?
 (เว็น อิส เดอะ เน็กซท์ เพลน ทู..............) 
เมื่อไหร่จะมีเครื่องบินเที่ยวถัดไปที่จะไป....) เติมชื่อเมืองที่เราอยากจะไปลงในช่องว่างครับ

ถ้าเขาบอกเรากลับมาว่า ไม่มี เราก็อาจถามต่อในแบบสั้นๆ ว่า
What about tomorrow ?
 (ว็อท อะเบ้าท์ ทูมอร์โร่ว์) แล้วพรุ่งนี้ล่ะ 

Next 2 days? 
(เน็กซท์ ทู เดย์) อีกสองวันถัดไป

Next week?
 (เน็กซท์ วีค) สัปดาห์หน้าล่ะ ลองเลือกใช้ดูให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เราเจอครับ

ถ้าเขาพยักหน้าตอบมาว่ามี หรือเซย์เยสมา ให้ถามต่อว่า 

How much ? 
(ฮาว มัช) เท่าไหร่ ถ้าราคายอมรับได้ เราก็บอกไปว่าต้องการตั๋วแบบไหน

2 economy tickets to…..., please. 
(ทู อิค้อนโนหมี่ ทิ้คเข่ทส ทู .......................พลีส
ขอตั๋วชั้นประหยัดสองที่ ไป.............ครับ

หรืออาจใช้รูปประโยคที่ฟังดูยากขึ้น เช่น
I would like to reserve a seat on the Friday flight to…
 (ไอ วูดไลค์ ทู รีเซิ้ร์ฟ เอ ซีท ออน ไฟร์เดย์ ไฟ่ล์ท ทู ............) 
ผมอยากจะขอจองตั๋วเที่ยวบินวันศุกร์ที่จะไป................(เติมชื่อเมืองลงไป)

I would like to reserve a round – trip ticket to … on the 3th of May. 
(ไอ วูดไลค์ ทู รีเซิ้ร์ฟ เอ ราวนด์ ทริป ทิ้คเข่ท ทู..................... ออน ดิ เทิร์ด ออฟ เมย์)
ผมอยากจองตั๋วไปกลับ................บินวันที่ 3 พฤษภาคม

ประโยคนี้ฟังดูยุ่งยากมั้ยครับ ผมว่ายากไปนิดสำหรับพวกเราที่ไม่คล่องภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่มีลำดับวันที่น่าปวดหัวอย่าง the 3th of May อะไรแบบนี้

มีข้อสังเกตนิดนึง ก็คือ ท่อนประโยคที่บอกว่า I would like เนี่ย มันก็คือรูปสุภาพ ของการพูดว่า I want ฉันต้องการ... นั่นเอง พอเป็นรูปคำถาม แทนที่จะถามว่า Do you want……? (ดู ยู วอนท์.....?) เราก็อาจถามให้ดูสุภาพขึ้นว่า Would you like……? (วูด ยู ไลค์.....?) แทนได้เหมือนกัน

กลับมาที่เรื่องบอกวันที่เนี่ย ทางแก้สำหรับคนอ่อนภาษาอังกฤษก็ง่ายนิดเดียวครับ ให้พกปฏิทินพกเล็กๆ ขนาดเท่านามบัตรติดตัวไป ด้วย จัดแจงเอาปากกาวงตรงวันเดือนที่เราจะเดินทางไว้ เดินไปที่พนักงานขายแล้วพูดว่า

Round-trip ticket to……….,please.
 (ราวนด์ ทริป ทิ้คเข่ท ทู............พลีส.) ขอตั๋วไปกลับ.......

พร้อมกันนั้นก็ยื่นปฏิทินพกที่วงวันที่ให้เขาดู ว่าวันไหนกันแน่

On this day. 
(ออน ดิส เดย์) เอาวันนี้ล่ะ ชี้ให้เขาดูว่าจะบินวันไหนในปฏิทิน
(ประโยคแถวนี้เราดัดแปลงใช้กับเวลาซื้อตั๋วรถไฟหรือรถบัสก็ได้)

เท่านี้เองครับ เรื่องยากก็จะง่าย เราไม่ต้องไปจำการพูดลำดับวันและเดือนแบบฝรั่งให้ปวดหัว ถึงใครภาษาจะดี ก็เถอะ ผมขอแนะว่าน่าจะพกปฏิทินแบบนี้ติดตัวบ้าง เสียเวลาคุยน้อยลง และแน่ใจว่าไม่ผิดพลาด

เมื่อตกลงซื้อตั๋วแล้ว
ตอนนี้เราต้องรู้ข้อมูลอีกเรื่องที่สำคัญครับว่า ไอ้เจ้าตั๋วเครื่องบินที่เราได้มานี่ จะต้องเช็คอินกี่โมง และอาคารเทอร์มินัลไหน

What time do I have to check in 
(ว็อท ไทม์ ดู ไอ แฮฟ ทู เช็คอิน
จะต้องเช็คอินเวลาไหน

Which terminal? 
(วิช เท้อร์มินั่ล) อยู่อาคารไหน ถามคนขายตั๋วไปเลย

ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์
สมัยนี้เป็นยุคเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ที่ระบบข้อมูลทั่วโลกออนไลน์เชื่อมถึงกันหมด ดังนั้น ตั๋วที่คุณได้มาอาจจะไม่ใช่ตั๋วกระดาษจริงๆ แต่เป็น ตั๋วอิเลกทรอนิกส์(electronic ticket) หรือ e-ticket (อี-ทิ้คเข่ท) ซึ่งเป็นแค่ชื่อโค้ดรหัสให้เราไปเช็คอินอีกทีนึง ข้อดีของมันเหมาะสำหรับนักเดินทางในอเมริกาและยุโรปที่บินเที่ยวสั้นๆ ไม่มีสัมภาระต้องโหลดขึ้นเครื่อง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาผ่านเคาน์เตอร์เช็คอิน ไม่ต้องส่งกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง แต่ไปเช็คอินผ่านเครื่องอัตโนมัติ (self-service kiosk)หรือเช็คอินออนไลน์ แล้วตรงไปที่ด่านรักษาความปลอดภัยและขึ้นเครื่องได้เลย


รายละเอียดพวกนี้ ถามถึงวิธีการใช้และขั้นตอนต่างๆ ได้ที่คนที่ขายตั๋วให้เรา หรือจากทางสายการบินที่เราเดินทางครับ เพราะตอนหลังมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยเนื่องจากเหตุการณ์ถล่มตึกเวิล์ดเทรด 11 กันยา ทำให้มีการเข้มงวดเรื่องนี้มากขึ้นโดยเฉพาะในอเมริกาและอังกฤษ

จอง-ค้นหาที่พัก Agoda 


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ cx]

 ใครที่คิดว่าเรื่องราว ข้อมูลการเดินทางที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามนะครับ เพราะเดินทางบ่อย คงมาตอบได้ไม่ทันใจ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ