โดย มารพิณ
www.facebook.com/marnpinbook
วันนี้มาแหวกแนวนิดนึง เมื่อเช้ามืดเกิดไอเดีย แปลสุทรพจน์หรือคำแถลงของบารัค โอบามา ทั้งหมดเลยดีกว่า เพราะคิดว่าคงไม่มีใคร หรือสื่อฉบับไหนในเมืองไทยแปลกัน เอาลงไว้เพื่อใครต้องทำรายงาน หรือหาข้อมูลทำการบ้าน ส่งงานครู จะได้อ่าน ขณะเดียวกันหลายๆ คนก็ได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว
ขอบอกก่อนว่า ผมแปลแบบง่วงมาก และไม่ได้ตรวจทานละเอียด พิมพ์ตกพิมพ์หล่นผิดพลาดสิ่งใดไปโปรดให้อภัย บางคำก็ต้องบิดไปบ้างเพราะจะให้ลงตัว เวลาถอดความข้ามภาษาไม่มีทางที่จะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ใครยังไม่ได้อ่านสองตอนที่แล้วแวะไปที่
เรียนอังกฤษจากสปีชคำแถลง Obama เรื่องบินลาเด็น - Osama bin Laden สิ้นชีพ
http://feelthai.blogspot.com/2011/05/obama-osama-bin-laden.htmlภาพถ่ายดาวเทียมบ้านบินลาเด็นที่ เมือง Abbottabad ปากีสถาน
ส่วนใครอยากฟังเสียงไปด้วยก็คลิกที่คลิปปราศัยนี้ จากนั้น ก็เลื่อนไปดูสคริปต์และคำแปลด้านล่าง ขอบอกก่อนว่าพวกอเมริกันเขาจะชอบใช้คำสวยๆ เว่อร์ๆ ในการปราศัยเป็นปกติ
ไปที่สปีชของโอบามาเลยครับ
Remarks by the President on Osama Bin Laden
East Room 11:35 P.M. EDT
THE PRESIDENT: Good evening. Tonight, I can report to the American people and to the world that the United States has conducted an operation that killed Osama bin Laden, the leader of al Qaeda, and a terrorist who’s responsible for the murder of thousands of innocent men, women, and children.
กู๊ดอีฟนิ่ง ค่ำนี้ ผมสามารถแจ้งต่อชาวอเมริกันและต่อชาวโลกได้ว่า สหรัฐอเมริกาได้เปิดปฏิบัติการที่ได้สังหารโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำของ อัลเคด้า และผู้ก่อการร้ายที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อการฆาตกรรมบรรดาผู้บริสุทธิ์หญิง ชายและเด็กหลายพันคน
It was nearly 10 years ago that a bright September day was darkened by the worst attack on the American people in our history. The images of 9/11 are seared into our national memory -- hijacked planes cutting through a cloudless September sky; the Twin Towers collapsing to the ground; black smoke billowing up from the Pentagon; the wreckage of Flight 93 in Shanksville, Pennsylvania, where the actions of heroic citizens saved even more heartbreak and destruction.
เป็นเวลาเกือบ 10 ปี มาแล้ว ที่วันอันสดใสในเดือนกันยายนต้องมีอันหม่นหมองไปด้วยการโจมตีที่เลวร้ายที่สุดต่ออเมริกันชนในประวัติศาสตร์ของเรา ภาพแห่ง 9/11 ได้ฝังรอยแน่นอยู่ในความทรงจำของชาติเรา เครื่องบินที่ถูกไฮแจ็คมาแล่นตัดผ่านฟ้าเดือนกันยาที่ไร้เมฆปกคลุม ทวินเทาเวอร์ทรุดพังลงกับพื้น ควันดำพวยพุ่งจากเพนตากอน รวมทั้ง ซากเครื่องไฟลท์ 93 ที่ แชงคส์วิลล์ รัฐเพนซิลวาเนีย ที่ที่ซึ่งการกระทำของพลเมืองผู้กล้า ได้ช่วยป้องกันการทำลายล้างและการสูญเสียเจ็บช้ำไม่ให้เกิดขึ้นไปมากกว่านี้
And yet we know that the worst images are those that were unseen to the world. The empty seat at the dinner table. Children who were forced to grow up without their mother or their father. Parents who would never know the feeling of their child’s embrace. Nearly 3,000 citizens taken from us, leaving a gaping hole in our hearts.
และพวกเราทราบดีว่า ภาพที่เลวร้ายที่สุดคือภาพที่โลกเราไม่ได้เห็น ภาพของเก้าอี้ที่ว่างเปล่าที่โต๊ะอาหารมื้อค่ำ เด็กๆที่จำต้องเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากพ่อหรือแม่ พ่อแม่ที่ไม่มีวันได้รู้สึกสัมผัสแห่งอ้อมกอดของลูกๆ พลเมืองกว่า 3000 ชีวิตได้ถูกพรากจากพวกเราไป ทิ้งช่องว่างที่มิอาจถมเต็มในใจของพวกเรา
On September 11, 2001, in our time of grief, the American people came together. We offered our neighbors a hand, and we offered the wounded our blood. We reaffirmed our ties to each other, and our love of community and country. On that day, no matter where we came from, what God we prayed to, or what race or ethnicity we were, we were united as one American family.
.ในวันที่ 11 กันยายน 2001 ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้านั้น ชาวอเมริกันได้รวมใจเข้าหากัน เรายื่นมือช่วยเหลือเพื่อนบ้านของเรา บริจาคเลือดให้คนเจ็บ เราย้ำความผูกผันที่พวกเรามีต่อกัน และความรักที่มีต่อชุมชนและประเทศ ในวันนั้น ไม่ว่าเราจะมาจากไหน สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าองค์ใด หรือเชื้อชาติ เผ่าชนใด พวกเรารวมกันมั่นในครอบครัวอเมริกันที่เป็นหนึ่งเดียว
We were also united in our resolve to protect our nation and to bring those who committed this vicious attack to justice. We quickly learned that the 9/11 attacks were carried out by al Qaeda -- an organization headed by Osama bin Laden, which had openly declared war on the United States and was committed to killing innocents in our country and around the globe. And so we went to war against al Qaeda to protect our citizens, our friends, and our allies.
เรายังรวมกันมั่นในความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปกป้องชาติของเรา และนำผู้ที่ได้ก่อการโจมตีอันชั่วร้ายนี้มารับโทษทัณฑ์ เราได้ทราบภายในเวลาอันรวดเร็วว่า การโจมตี9/11 ดำเนินการโดยอัลเคด้า – องค์กรที่มีโอซามา บิน ลาเดน เป็นผู้นำ ซึ่งได้ประกาศสงครามอย่างเปิดเผยต่อสหรัฐอเมริกา และได้สังหารผู้บริสุทธิ์ทั้งในประเทศของเราและทั่วโลก ดังนั้นเอง เราได้เข้าสู่สงครามต่ออัลเคด้า เพื่อปกป้องพลเมืองของเรา เพือนเรา และชาติพันธมิตรของเรา
Over the last 10 years, thanks to the tireless and heroic work of our military and our counterterrorism professionals, we’ve made great strides in that effort. We’ve disrupted terrorist attacks and strengthened our homeland defense. In Afghanistan, we removed the Taliban government, which had given bin Laden and al Qaeda safe haven and support. And around the globe, we worked with our friends and allies to capture or kill scores of al Qaeda terrorists, including several who were a part of the 9/11 plot.
ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณต่อการทุ่มเททำงานอย่าไม่มีเหน็ดเหนื่อยและกล้าหาญของทหารและเจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายของเรา เราได้รุดหน้าไปในความพยายามเรื่องนี้ เราได้สะกัดขัดขวางการโจมตีของผู้ก่อการร้าย และเสริมสร้างแนวป้องกันมาตุภูมิ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในอัฟกานิสถาน เราได้นำรัฐบาลตาลีบันออกจากอำนาจ ซึ่งรัฐบาลนั้นได้ให้ที่พักพิงและการสนับสนุนต่อบินลาเดน และอัลเคด้า ส่วนในระดับโลกนั้นเราได้ เราได้ทำงานร่วมกับเพื่อนและมิตรของเราในการจับกุมสังหารผู้ก่อการร้ายอัลเคด้ามากมาย รวมทั้งหลายคนที่มีส่วนรู้เห็นในการวางแผน 9/11
Yet Osama bin Laden avoided capture and escaped across the Afghan border into Pakistan. Meanwhile, al Qaeda continued to operate from along that border and operate through its affiliates across the world.
แต่กระนั้นก็ตาม โอซามา บินลาเดน ก็ได้หลีกหลบการจับกุมและหนีข้ามพรมแดนอัฟกันเข้าสู่ปากีสถานจนได้ ขณะเดียวกันนั้นเอง อัลเคด้า ยังได้ปฏิบัติการต่อตามแนวพรมแดนและผ่านผู้ร่วมมือทั่วโลก
And so shortly after taking office, I directed Leon Panetta, the director of the CIA, to make the killing or capture of bin Laden the top priority of our war against al Qaeda, even as we continued our broader efforts to disrupt, dismantle, and defeat his network.
หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน ผมได้สั่งการให้ Leon Panetta ผู้อำนวยการของ CIA ให้ตั้งเป้าสังหารหรือจับกุมบิน ลาเดนว่ามีความสำคัญสูงสุดในสงครามกับอัลเคด้า ในขณะที่เรายังเดินหน้าต่อในแนวกว้างที่จะสกัด ล้ม และเอาชนะเครือข่ายของบินลาเดน
Then, last August, after years of painstaking work by our intelligence community, I was briefed on a possible lead to bin Laden. It was far from certain, and it took many months to run this thread to ground. I met repeatedly with my national security team as we developed more information about the possibility that we had located bin Laden hiding within a compound deep inside of Pakistan. And finally, last week, I determined that we had enough intelligence to take action, and authorized an operation to get Osama bin Laden and bring him to justice.
จากนั้นเองในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากการทำงานยากลำบากหลายปีของฝ่ายข่าวกรองของเรา ผมได้รับรายงานว่า มีเบาะแสที่เป็นไปได้ที่จะนำไปสู่บินลาเดน ตอนนั้นทุกอย่างยังไม่ชัดเจน และต้องใช้เวลาหลายเดือนที่จะต้องตามรอยนี้จนให้ได้ตัว ผมได้พบกับทีมงานด้านความมั่นคงหลายครั้งหลายหน ในขณะที่เราเริ่มได้ข้อมูลมากขึ้นที่เป็นไปได้ว่าเราสามารถระบุที่ซ่อนตัวของบินลาเดนในบริเวณอาคารที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในปากีสถาน และในที่สุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้ตัดสินใจว่าเรามีข่าวกรองมากพอที่จะดำเนินการ และได้สั่งการให้มีปฏิบัติการนำโอซามา บินลาเดนมาชดใช้ความผิด
Today, at my direction, the United States launched a targeted operation against that compound in Abbottabad, Pakistan. A small team of Americans carried out the operation with extraordinary courage and capability. No Americans were harmed. They took care to avoid civilian casualties. After a firefight, they killed Osama bin Laden and took custody of his body.
ในวันนี้ ภายใต้การนำของผม สหรัฐอเมริกา ได้เปิดฉากปฏิบัติการต่อบริเวณอาคาร ในเมือง Abbottabad ประเทศปากีสถาน ทีมเล็กๆ ของอเมริกันได้ปฏิบัติภารกิจลุ่ล่วงด้วยขีดความสามารถและความกล้าหาญที่สูงส่ง ไม่มีอเมริกันคนไหนได้รับอันตราย พวกเขาได้ดำเนินการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตาย หลังการยิงยุติลง พวกเขาได้สังหารโอซามา บินลาเดน และยึดร่างเอาไว้ได้
For over two decades, bin Laden has been al Qaeda’s leader and symbol, and has continued to plot attacks against our country and our friends and allies. The death of bin Laden marks the most significant achievement to date in our nation’s effort to defeat al Qaeda.
เป้นเวลานานกว่าสองทศวรรษ ที่บินลาเดนได้เป็นทั้งหัวหน้าและสัญญลักษณ์ของอัลเคด้า และยังคงเดินหน้าวางแผนโจมตีประเทศของเรา เพื่อนของเรา และชาติพันธมิตรของเรา ความตายของบินลาเดน ถือเป็นจุดชี้ความสำเร็จสูงสุดของชาติเราในความพยายามเอาชนะอัลเคด้า
Yet his death does not mark the end of our effort. There’s no doubt that al Qaeda will continue to pursue attacks against us. We must –- and we will -- remain vigilant at home and abroad.
แต่ การตายนี้มิได้หมายความว่าภารกิจของเราจะสิ่นสุดลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อัลเคด้า จะยังคงแสวงหาหนทางโจมตีพวกเรา เราจะต้อง และเราจะยังคงเฝ้าระวังเสมอทั้งในบ้านและต่างแดน
As we do, we must also reaffirm that the United States is not –- and never will be -– at war with Islam. I’ve made clear, just as President Bush did shortly after 9/11, that our war is not against Islam. Bin Laden was not a Muslim leader; he was a mass murderer of Muslims. Indeed, al Qaeda has slaughtered scores of Muslims in many countries, including our own. So his demise should be welcomed by all who believe in peace and human dignity.
ขณะเดียวกันนั้นเอง เราจะต้องย้ำเช่นกันว่า สหรัฐอเมริกามิได้ และจะไม่มีวันที่จะทำสงครามกับ... อิสลาม ผมได้อธิบายชัดเจน เหมือนที่ประธานาธิบดีบุชได้กล่าวไปไม่นานหลัง เหตุการร์ 9/11 ว่า สงครามของเรามิได้กระทำต่ออิสลาม บินลาเดน มิใช่ผู้นำมุสลิม แต่เป็นผู้สังหารหมู่ชาวมุสลิมเสียเอง ว่ากันตามจริงแล้ว อัลเคด้าได้สังหารมุสลิมจำนวนมากมายในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศเรา ดังนั้นจุดจบของเขาในครั้งนี้ควรจะได้รับการตอบรับจากทุกผู้คนที่เชื่อมั่นในสันติภาพและเกียรติของความเป็นมนุษย์
Over the years, I’ve repeatedly made clear that we would take action within Pakistan if we knew where bin Laden was. That is what we’ve done. But it’s important to note that our counterterrorism cooperation with Pakistan helped lead us to bin Laden and the compound where he was hiding. Indeed, bin Laden had declared war against Pakistan as well, and ordered attacks against the Pakistani people.
ในหลายปีนี้ ผมได้ย้ำชัดว่าเราจะเปิดปฏิบัติการในปากีสถานหากเราทราบว่าบินลาเดนอยู่ที่ใด และนี่คือสิ่งที่เราได้ทำไป แต่ขอย้ำความสำคัญว่า ความร่วมมือในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายกับปากีสถานได้ช่วยนำเรามาสู่ตัวบินลาเดน และแหล่งหลบซ่อนตัว อันที่จริงแล้ว บินลาเดนก็ได้ประกาศสงครามต่อปากีสถานเช่นกัน รวมทั้งสั่งการโจมตีต่อชาวปากีสถานอีกด้วย
Tonight, I called President Zardari, and my team has also spoken with their Pakistani counterparts. They agree that this is a good and historic day for both of our nations. And going forward, it is essential that Pakistan continue to join us in the fight against al Qaeda and its affiliates.
คืนนี้ ผมได้โทรหาประธานาธิบดี Zardari และทีมของผมได้พูดคุยกับทีมทางฝ่ายปากีสถาน ทางนั้นได้เห็นพ้องว่านี่เป็นเรื่องที่ดีและเป็นวันประวัติศาสตร์สำหรับทั้งสองชาติ ซึ่งในอนาคตต่อไปนั้น การที่ปากีสถานยังร่วมกับเราในการต่อสู้กับอัลเคด้าและกลุ่มสนับสนุนนั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
The American people did not choose this fight. It came to our shores, and started with the senseless slaughter of our citizens. After nearly 10 years of service, struggle, and sacrifice, we know well the costs of war. These efforts weigh on me every time I, as Commander-in-Chief, have to sign a letter to a family that has lost a loved one, or look into the eyes of a service member who’s been gravely wounded.
ชาวอเมริกันมิได้เลือกที่จะเป็นฝ่ายต่อสู้ แต่การต่อสู้ได้มาถึงแผ่นดินของเรา เปิดฉากด้วยการสังหารพลเมืองของเราอย่างไร้สติ หลังจาก 10 ปี แห่งการทำงาน ต่อสู้ และเสียสละ เราทราบดีถึงสิ่งที่เสียไปกับสงคราม ภาระอันหนักหน่วงนี้ตกอยู่กับตัวผมในทุกครั้งในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด (จอมทัพ) ที่จะเซ็นชื่อในจดหมายบอกครอบครัวว่าได้สูญเสียคนที่เป็นที่รักไป หรือต้องมองประสานตากับทหารที่บาดเจ็บสาหัส
So Americans understand the costs of war. Yet as a country, we will never tolerate our security being threatened, nor stand idly by when our people have been killed. We will be relentless in defense of our citizens and our friends and allies. We will be true to the values that make us who we are. And on nights like this one, we can say to those families who have lost loved ones to al Qaeda’s terror: Justice has been done.
ดังนั้นอเมริกันเข้าใจดีถึงความสูญเสียจากสงคราม ในฐานะประเทศ เราไม่เคยเมินเฉยต่อการคุกคามต่อความมั่นคง ไม่เคยเฉยเมยเมื่อประชาชนของเราถูกสังหาร เราจะมุ่งมั่นปกป้องพลเมืองของเรา เพื่อนของเรา และชาติพันธมิตรของเรา เราจะยึดมั่นต่อคุณค่าที่ได้ทำให้เราเป็นเรา และในคืนเช่นนี้ เราสวามารถบอกต่อครอบครัวผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากการก่อการร้ายของอัลเคด้าได้เต็มปากแล้วว่า ความยุติธรรมได้เกิดขึ้นมาแล้ว
Tonight, we give thanks to the countless intelligence and counterterrorism professionals who’ve worked tirelessly to achieve this outcome. The American people do not see their work, nor know their names. But tonight, they feel the satisfaction of their work and the result of their pursuit of justice.
ในคืนนี้ เราขอขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและงานต่อต้านก่อการร้ายจำนวนมากที่ได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อบรรลุจนถึงเป้าหมายนี้ ชาวอเมริกันไม่มีโอกาสรู้ถึงงานที่ทำ ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม แต่ในคืนนี้ พวกเขาจะต้องรู้สึกพอใจในงานที่ทำ และผลที่ออกมาในการแสวงหาความยุติธรรมให้บังเกิด
We give thanks for the men who carried out this operation, for they exemplify the professionalism, patriotism, and unparalleled courage of those who serve our country. And they are part of a generation that has borne the heaviest share of the burden since that September day.
เราขอขอบคุณต่อผู้ที่ได้ปฏิบัติภารกิจนี้ พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความสูงเด่นในวิชาชีพ ในความรักชาติ และความหาญกล้าที่มิอาจเปรียบได้ ของเหล่าผู้ที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อประเทศชาติ และพวกเขาเป้นส่วนหนึ่งของชั่วอายุคนที่ต้องแบกรับเอาภาระอันหนักหน่วงนับตั้งแต่เหตุการณ์เดือนกันยาเป็นต้นมา
Finally, let me say to the families who lost loved ones on 9/11 that we have never forgotten your loss, nor wavered in our commitment to see that we do whatever it takes to prevent another attack on our shores.
ท้ายสุดนี้ ผมขอพูดต่อครอบครัวที่สูญเสียผู้อันเป็นที่รักไปในเหตุการณ์ 9/11 ว่า เราไม่เคยลืมเลือนในความสูญเสียนั้น และไม่เคยเบี่ยงเบนไปจากความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะป้องกันมิให้การโจมตีเช่นนั้นเกิดขึ้นอีกต่อแผ่นดินเรา
And tonight, let us think back to the sense of unity that prevailed on 9/11. I know that it has, at times, frayed. Yet today’s achievement is a testament to the greatness of our country and the determination of the American people.
และในคืนนี้ ขอให้เราคิดย้อนกลับไปสัมผัสความรู้สึกของการเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่เหนือกว่าสิ่งใดในวัน 9/11 ผมทราบดีว่าพวกเราก็มีวันเวลา บางคร้งที่อ่อนล้าหวั่นไหว แต่กระนั้นก็ตาม ควาสำเร็จในวันนี้ คือสิ่งยืนยันถึง ความยิ่งใหญ่ของประเทศเรา ตลอดจนความมุ่งมั่นของประชาชนชาวอเมริกัน
The cause of securing our country is not complete. But tonight, we are once again reminded that America can do whatever we set our mind to. That is the story of our history, whether it’s the pursuit of prosperity for our people, or the struggle for equality for all our citizens; our commitment to stand up for our values abroad, and our sacrifices to make the world a safer place.
ภาระในการผดุงรักษาความปลอดภัยของประเทศเรายังไม่จบสิ้นสมบูรณ์ แต่ ในคืนนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราได้ย้ำเตือนว่า อเมริกา สามารถทำได้ทุกอย่างที่ตั้งใจ และนี่คือเรื่องราวที่เป็นมาตลอดประวัติชาติเรา ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความมั่งคั่งรุ่งเรือง สำหรับผู้คนของเรา การต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันของพลเมืองทุกคน การมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดในคุณค่าที่เรายึดมั่นในต่างแดน และการเสียสละของพวกเราที่จะทำให้โลกเรานี้ปลอดภัยกว่าเมื่อวันวาน
Let us remember that we can do these things not just because of wealth or power, but because of who we are: one nation, under God, indivisible, with liberty and justice for all.
ขอให้พวกเราได้จดจำ ว่า เราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้มิใช่เพราะความมั่งคั่ง หรืออำนาจ แต่ทำได้เพราะว่าตัวเราเอง ชาติของเรา ภายใต้พระเจ้านี้ มิสามารถแบ่งแยกได้ ด้วยเสรีภาพ และความยุติธรรม
Thank you. May God bless you. And may God bless the United States of America.
ขอขอบคุณ ขอให้พระเจ้าอำนวยพรแก่ท่าน และพระเจ้าอำนวยพรต่อ สหรัฐอเมริกา
END 11:44 P.M. EDT
โอย....เหนื่อยจริงๆ
ลิงก์หนังสือมารพิณ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฝากแนะนำเว็บ feelthai.blogspot.com และในเฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/marnpinbook ต่อให้คนรู้จักด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง แต่ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
© สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)