วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 11, 2555

วิธีแก้ปัญหาน้ำหนักกระเป๋าเกินเวลาขึ้นเครื่อง


โดย มารพิณ
ไป เฟซบุ๊ค   www.facebook.com/marnpinbook
ไป หน้ารวมข้อมูลเที่ยวนอก-แบคแพค


คุมน้ำหนักก่อนขึ้นเครื่อง

ม่ายช่ายน้ำหนักตัว แต่เป็นน้ำหนักกระเป๋า เพราะน้ำหนักกระเป๋าหรือเป้ของชั้นประหยัดคือจำกัดแค่ 20 กิโล นี่เป็นตัวเลขที่เราต้องจำไว้ขึ้นใจเวลาไปเช็คอิน ทุกครั้งที่สนามบิน 

 ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนๆ เจ้าหน้าที่ของแต่ละสายการบินจะอะลุ่มอล่วยกันให้มาก แต่ตอนนี้น้ำมันแพง ทุกสายการบินจะเข้มงวดตรงนี้มากขึ้น คือ ถ้าเกินยี่สิบโลมานิดหน่อยซักโลสองโล ก็ยังอาจพอจะคุยได้บ้าง แต่ถ้าเกินมาเยอะรับรองว่ามีปัญหาแน่นอน โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ที่ซีเรียสตรงนี้สุดสุด 

น้ำหนักเกินก็จะต้องเสียค่าระวางเพิ่มขึ้น ขาไปไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ แต่พอขากลับนี่สิ ของฝากก็มี ของถูกใจก็ซื้อมาเพียบ

เรื่องของกระเป๋าและน้ำหนัก ในโลกนี้มีสองระบบใหญ่ๆ จะอธิบายคร่าวๆ ดังนี้

+จำกัดจำนวนใบ ยืดหยุ่นน้ำหนัก

แบบนี้จำกัดให้โหลดขึ้นเครื่องได้แค่ 2 ใบ เกินกว่านี้ไม่ได้ แต่ยืดหยุ่นในเรื่องน้ำหนักโดยอนุญาติให้หนักใบละไม่เกิน 22-23 กิโล ประเทศที่ใช้งานระบบนี้ได้แก่ ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ (ข้อมูลตรงนี้มีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ เช็คอีกทีก่อนเดินทาง)

+ไม่กำหนดว่ากี่ใบ แต่จำกัดน้ำหนัก

คนไทยจะเจอระบบที่ว่านี้เป็นส่วนใหญ่ คือ จะขนไปกี่ใบก็ได้ (แต่อย่ามากเกินไปนะครับ) แต่จำกัดน้ำหนักรวมโดยแบ่งตามชนชั้นของผู้ซื้อตั๋ว โดยให้มีน้ำหนักรวมของสัมภาระที่โหลดได้ดังนี้

ชั้นประหยัด 20 กิโล (44ปอนด์)
ชั้นธุรกิจ   30 กิโล (66ปอนด์)
ชั้นหนึ่ง   40 กิโล (88ปอนด์)

แต่ละสายการบินอาจมีให้สิทธิพิเศษให้ขนไปได้มากขึ้นสำหรับสมาชิกที่ถือบัตรสะสมไมล์ของแต่ละสายการบิน อันนี้ก็แล้วแต่กติกาของแต่ละสายการบินนะครับ แต่ส่วนมากจะให้สิทธินี้เฉพาะสมาชิกที่บินบ่อยจนถือบัตรเงินบัตรทองเท่านั้น

ตรงนี้จะเห็นว่า นักเดินทางอิสระอย่างเราที่เน้นซื้อตั๋วประหยัดที่ถูกที่สุดจะได้สิทธิแค่ 20 กิโลเท่านั้น ต่างกับแบบแรกลิบลับ ถามว่าถ้าเราน้ำหนักเกินเขาจะผ่อนปรนให้เรามั้ย คงได้บ้างครับถ้า 2-3 กิโล แต่ถ้าเกินกว่านั้นคงลำบากและเขาจะปรับเราในราคาโคตรแพง

ระบบนี้จะใช้กันทั่วโลก ยกเว้นแต่ทวีปอเมริกาเหนือและใต้ ซึ่งหมายความว่าพวกเราจะต้องเจอกับระบบนี้เป็นส่วนใหญ่ในการเดินทางเพราะประเทศเราอยู่ในเอเชีย

แต่ถึงได้สิทธิ 20 กิโล ก็อย่าได้วางแผนเอาไปหมดทั้งยี่สิบโลแบบกลัวไม่คุ้มค่าตั๋วนะครับ เพราะว่า จะเที่ยวแบบอิสระให้อิสระสมชื่อจริงๆ อย่าเอาไปมากเกิน 15 กิโล(น้ำหนักรวมเป้) ตั้งแต่เริ่มเดินทางเลยครับ ไม่ว่าเราจะแข็งแรงแค่ไหนก็ตามเถอะ เอาแค่ 10-12 โลนี่ก็เยอะแล้ว

Tips เคล็ดลับจัดการปัญหาน้ำหนักกระเป๋า 

+ถามคนที่เราซื้อตั๋วด้วย ว่าเราจะขนของไปได้น้ำหนักรวมเท่าไร กี่ชิ้น

+สนามบินใหญ่ๆ จะมีที่ชั่งน้ำหนักสาธารณะอยู่ตรงไหนซักแห่งถ้าเราไม่แน่ใจลองชั่งดู ถ้ามันเกินจะได้คิดหาทางแก้ปัญหาล่วงหน้าได้ บางที่จะทำกรอบเหล็กหรือพลาสติกเอาไว้ด้วย เพื่อวัดขนาดของกระเป๋าที่อนุญาติให้โหลดหรือเอาขึ้นเครื่อง

+ถ้าเราไปกันหลายคน และบางกระเป๋าอาจเกิน บางกระเป๋าไม่เกิน ให้เช็คอินพร้อมกันหลายคน ตรงข้างพนักงานสายการบินจะสายพานซึ่งข้างใต้นั้นมีที่ชั่งอยู่ เราก็วางซ้อนกระเป๋ากันไป เขาก็ดูว่าเราไปกันหลายคน ยอดรวมไม่เกิน ก็จะไม่ว่าอะไร แถมวิชามารอีกนิดนึง พอซ้อนกันหลายใบ บางทีวางเหลื่อมๆ ออกมาน้ำหนักไม่ลงเต็ม บางทีเจ้าหน้าที่บางทีก็ขี้เกียจดูให้ละเอียดเหมือนกัน

+ย้ายของจากกระเป๋าใหญ่ที่เราจะโหลดลงใต้เครื่อง ไปที่กระเป๋าเล็กที่เราจะถือขึ้นเครื่อง แต่ทุกสายการบินก็มีจำกัดน้ำหนักตรงนี้ไว้เหมือนกัน คือราว 7 กิโล นอกจากนี้เขายังอนุญาตให้เอาขึ้นเครื่องแค่ใบเดียว แต่ถ้ากระเป๋าติดตัวอีกใบของเราใบไม่ใหญ่ เช่นเป็นกระเป๋ากล้อง ก็พอจะลักไก่เอาไปมากกว่านั้นได้

+ แบ่งใส่กระเป๋าเพื่อนที่ไปด้วย อาจทำได้ยากหน่อย เพราะทุกคนก็เต็มหมด คำเตือนคือ อย่ารับฝากของจากใครที่คุณไม่ไว้ใจจริงๆ ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม อาจโดนยัดของผิดกฎหมายได้

+ผมมีเพื่อนอยู่คน ต้องงัดไพ่ใบสุดท้ายออกมาคือ เอาเสื้อออกมาใส่หลายๆ ชั้น มีสะพายไหล่อีกตัว แล้วเอาของเล็ก ๆ แต่มีน้ำหนักมาใส่ตามกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง ใส่หมวก เอาไกด์บุ๊กออกมาถือในมือ หนังสืออีกสองเล่มยัดใส่กระเป๋าหลังกางเกง มันส์ดีเหมือนกัน แต่น้ำหนักก็เกินอยู่ดีนั่นล่ะ ผมว่าที่มันผ่านไปได้ก็เพราะเขาเห็นแล้วสงสารและเห็นใจในความพยายามมากกว่า
  • รวมลิงก์หนังสือมารพิณ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ cx]

 ใครที่คิดว่าเรื่องราว ข้อมูลการเดินทางที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามนะครับ เพราะเดินทางบ่อย คงมาตอบได้ไม่ทันใจ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ