วันอังคาร, ตุลาคม 02, 2555

เคล็ดลับเที่ยวแบ็คแพ็ค- รถสำหรับนักท่องเที่ยว





โดย มารพิณ
ไป เฟซบุ๊ค   www.facebook.com/marnpinbook
ไป หน้ารวมข้อมูลเที่ยวนอก-แบคแพค




หมายเหตุ:  รถแบบนี้เมืองไทยก็มีครับ เช่นพวกที่ออกจากถนนข้าวสาร ย่านเกสต์เฮาส์บางลำพูเป็นต้น แต่ปกติเขาไม่ค่อยรับคนไทย รับเฉพาะฝรั่งหรือต่างชาติ 

รถสำหรับนักท่องเที่ยว

การเดินทางแบบนี้จะมีเฉพาะประเทศที่มีนักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์เยอะๆ และมีเฉพาะเส้นทางหลักๆ เท่านั้น บางประเทศอาจมีตั๋วเหมาขายเช่นเดินทางจากเหนือจรดใต้ในเวียดนาม รายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ต้องลองถามดู ส่วนใหญ่จะเป็นรถบัสปรับอากาศ บางเที่ยวถ้าคนจองตั๋วน้อย อาจเปลี่ยนเอารถตู้มารับแทน
บรรยากาศแบบสหประชาชาติ ในรถตู้บริการนักท่องเที่ยว มีทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น อินเดียครบ

รถบัสแบบนี้จะไม่ขายตั๋วตามท่ารถปกติ แต่จะขายผ่านโรงแรม เกสต์เฮ้าส์ที่เราพัก หรือสำนักงานท่องเที่ยวตามย่านแบ็คแพ็คเกอร์ของแต่ละประเทศ พวกนี้ก็จะบวกค่านายหน้าไปราว 10-30 % (ให้ลองถามราคาจากหลายๆ ที่ดู อย่าวางใจซื้อจากเกสต์เฮาส์ที่เราพัก บางทีนี่ล่ะตัวฟันเลย)

บอกไว้นิดนึง เวลาเราไปซื้อตั๋วแบบนี้จากที่อื่น เช่นจากสำนักงานท่องเที่ยว พอกลับเกสต์เฮาส์ไอ้เด็กเฝ้าเคาน์เตอร์ที่พยายามตื๊อขายเรามาสองวันแล้ว ก็อาจจะมาถามอีกว่าซื้อตั๋วมั้ย พอเราบอกไปว่าซื้อแล้ว ไอ้พวกนี้ก็จะถามต่อว่า “ซื้อมาเท่าไหร่” พอเราบอกราคาไป มันก็จะชอบพูด(เหมือนกันทั่วโลก)ว่า “โอ้พระเจ้า” หรือ “โอ้พระศิวะ” ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ประเทศไหน “ทำไม ยูซื้อแพงแบบนี้ ......ไอ ขายถูกๆ เองแค่.....” แล้วมันก็บอกราคาที่ต่ำกว่าของเรามา

ไม่ต้องไปสนใจครับ เชื่อหรือไม่ว่า บางทีเราบอกไปต่ำแค่ไหน มันก็จะบอกต่ำกว่ามาอยู่ดี เพื่อให้เรารู้สึกผิดที่ไม่ยอมซื้อกับมัน ไอ้พวกนี้โรคจิตครับ 

ผมเคยบอกราคาที่ต่ำกว่าครึ่งต่อครึ่ง แบบแกล้งเดาใจมันดู มันก็บอกราคาต่ำกว่าอีก พอให้เพื่อนฝรั่งอีกคนที่สมรู้ร่วมคิดกันกับผม แกล้งไปถามไอ้หมอนี่เวลาอื่นที่ผมไม่อยู่ด้วย เชื่อมั้ยครับ มันบอกราคาที่แพงกว่าที่ผมซื้อยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นราคาถูกของมันน่ะตอแหลทั้งนั้น

อีกเรื่องที่ต้องดูก็คือ เวลาเราจองกับตัวแทนขาย ไม่ว่าจะเป็นเกสต์เฮาส์ หรือ แทรเวลเอเยนซี ให้ขอดูรูปรถบัส ว่าเป็นบัสแบบไหนกันแน่ ที่นั่งแบบไหน ตัวแทนขายปกติจะมีรูปโบร์ชัวร์หรือแฟ้มให้ดู หน้าตากัน

พอเราซื้อแล้ว ตัวแทนขายจะให้ใบรับหรือใบเสร็จมา บอกว่ากี่คน ไปไหน แล้วตัวแทนขายจะโทรไปประสานกับคนที่ให้บริการรถบัสให้เรา เก็บรักษาใบนี้ให้ดีๆ

รถพวกนี้จะวิ่งตามเส้นทางหลักๆ ที่มีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะ เวลารับก็จอดรอย่านเกสต์เฮาส์ เวลาไปส่งก็เอาไปส่งอีกเมืองในย่านเกสต์เฮาส์อีกเหมือนกัน บางที่ก็ไปรับกันถึงเกสต์เฮาส์ที่เราอยู่เลย บางกรณีเขาจะเอารถอื่นมารับเรากับนั่งท่องเที่ยวรายอื่นตามเกสต์เฮาส์แล้วค่อยไปส่งตรงที่รถออกอีกที ถ้าเป็นแบบนี้เราไม่ควรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงรถที่มารับเราไปขึ้นบัสนะครับ (ถ้าถูกเรียกร้องให้เสียค่าใช้จ่ายจากคนขับ ตรงนี้ อย่าไปยอมครับ)

เช่นเดียวกัน ในรถบัสที่เราจองมาแล้ว จ่ายมาแล้ว ตอนขึ้นรถก็ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มอีกครับ ที่สำคัญอย่าทำใบเสร็จหายก็แล้วกัน

ราคาค่าโดยสารก็จะแพงกว่าบัสธรรมดาประมาณ 20-40% (ขึ้นอยู่กับประเภทรถ) แต่ในหลายกรณีก็สะดวกดีเหมือนกันเพราะเร็วกว่าแน่นอน ไม่ได้จอดแวะเรี่ยราดรับคนตลอดทาง ถ้าระยะทางไกลก็มีจุดแวะพักกลางทางให้เข้าห้องน้ำซัก 20 นาทีเป็นอย่างต่ำ แต่ถึงแพงกว่าหน่อย คิดให้ดีก็สะดวกดีเหมือนกัน

อีกอย่างก็คือ ถ้าใช้รถประจำทางปกติ ถึงถูกกว่าจริง แต่อย่าลืมว่าท่ารถประจำทางมักจะอยู่นอกเมือง บางเมืองอาจไกลเป็นสิบกิโล ซึ่งเราต้องใช้แท็กซี่ไปและกลับ(เมื่อถึงเมืองที่หมาย) โอกาสจะต่อรองราคาแท็กซี่จะยาก หรืออาจโดนฟันสองต่อ ถึงเราจะได้ตั๋วบัสธรรมดาถูกจริงราคาแบบชาวบ้าน แต่มาโดนแท็กซี่ฟันหัวแบะ ที่เคยคิดว่าถูก มันก็ไม่ถูกจริง

ทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า ถามด้วยว่าการเดินทางใช้เวลากี่ชั่วโมง บางเส้นอาจจะใช้เวลายี่สิบ หรือสามสิบกว่าชั่วโมงก็มี เหนื่อยกันแน่นอน ถ้าคิดว่าไม่ไหว เราอาจแพลนใช้เส้นทางอื่น หรือวางแผนท่องเที่ยวแบบมีจุดแวะอื่นเพื่อจะได้ไม่เหนื่อยมาก

ขอให้เที่ยวให้เดินทางให้สนุกนะครับ !

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ cx]

 ใครที่คิดว่าเรื่องราว ข้อมูลการเดินทางที่เขียนที่นี่โอเค น่าสนใจ ฝาก share บอกต่อเพื่อนๆด้วยครับ ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามนะครับ เพราะเดินทางบ่อย คงมาตอบได้ไม่ทันใจ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ