วันเสาร์, มิถุนายน 26, 2553

็History ประวัติศาตร์เป็นของผู้ชาย

โดย มารพิณ 

*เรื่องนี้อัพเดตเพิ่มเติมจากเรื่องเก่าที่เคยเขียนลงไดอารี่ฮับครับ 

ขึ้นชื่อเรื่องท้าทาย  พูดแมวๆ แบบนี้ สาวๆ แถวนี้คงไม่ยอม ซึ่งก็คงจริง เพราะสาวฝรั่งก็ไม่ยอมมาแล้ว ยิ่งในไดฮับมีสาว ๆ เขียนไดมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด โอกาสที่จะโดนรุมตื้บคาไดก็มีสูงเป็นเงาตามตัว

ปัญหาคือ คำอังกฤษว่า history ที่ออกเสียงเป็น ฮีสทรี่ย์ แบบเร็ว ๆ ความหมายคือ ประวัติศาสตร์
ทำไมมีปัญหาล่ะ เพราะถ้าลองแยกคำออกมา จะได้ว่า his----tory ฮีสสตอรี่ หรือ "เรื่องของเขา" ไงละครับ

ตอนหลังพวก เรียกร้องสิทธิสตรี หรือที่เรียกว่า feminist  เฟ๊หมิหนิ่สต์  แปลทับศัพท์ภาษาอังกฤษเลยว่า เฟมินิสต์   หล่อนก็เลยเล่นคำสวนกลับไปแซวว่า ควรจะมี herstory ก็คือ เรื่องของ hers "เรื่องของเธอ" "เรื่องของหล่อน" เรื่องของดิฉ้าานนนบ้าง ถึงจะแฟร์ อย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์เป็นของผู้ชายแต่ฝ่ายเดียว อะไรแบบนี้ ลองสังเกตขึ้นมาซักนิดแล้วจะแอบนึกในใจว่า ทำไมเมื่อก่อนเรามองไม่เห็นมันน้า...


เหมือนกับคำว่า mankind  แหม๋นไค้ด์   หรือมนุษย์ชาติ ดูตามตัวมันก็คือ kind คือ ประเภท จำพวก
รวมความแล้วเป็น "ประเภทของผู้ชาย" หรือว่าผู้หญิงไม่มีสิทธิเป็นมนุษย์กัเขาบ้าง
อ่านถึงตรงนี้ สาว ๆ ชาวไทยหลายคนอาจตั้งคำถามว่า แล้วเมื่อใหร่จะมี womankind กันบ้าง....

ขอโทษครับ มีจริง ในภาษาอังกฤษมี womankind  วู้แหม่นไค่นด์ จริง ๆ เหมือนกัน แต่ดันหมายถึง
มนุษย์ผู้หญิงทั้งหมด ผู้หญิงทั้งหมด ผู้หญิงทั้งโลก อะไรประมาณนี้ แถมคำนี้ไม่ค่อยมีใครใช้กันด้วยสิ


ดังนั้น มาสมัยที่เน้นความเท่าเทียมกันระหว่้างสิทธิของหญิงและชาย  หลายคนเลยหันมาใช้คำว่า humankind   ฮิ้วแหม่นไค่นด์  ที่หมายถึง มนุษย์ชาติ เหมือนกัน แต่ใช้ human ที่หมายถึงมนุษย์แทน อย่างน้อยก็ซ่อนคำว่า man เอาไว้หน่อยนึง

คราวนี้ไปที่คำง่ายว่า man ที่เรียนกันมาตั้งแต่ประถมแล้ว จริงๆ แล้วคำนี้มีอีกความหมายซ่อนอยู่ เวลาพูดว่า man ในคำกล่าว หรือสุภาษิต เขามักจะหมายถึง คน คนเรา ไม่ได้หมายถึงผู้ชายแต่อย่างเดียว
จะเห็นว่าเรื่องพวกนี้ก็สะท้อนความเชื่อของฝรั่งสมัยก่อนที่ผู้หญิงไม่ค่อยมีบทบาทเสียเท่าไหร่ เพราะเอาเข้าจริงแม้แต่คำว่า woman ในภาษาอังกฤษนี่ก็เถอะ ดันมีคำว่า man แอบซ่อนอยู่ด้วยอย่างหน้าตาเฉย

เล่าเรื่อง แตกประเด็นมาแว้บๆ คิดว่าคงจะจำศัพท์สองสามคำที่ว่ามานี้ได้ ไม่มากก็น้อย
จะเป็นเรื่องราวของผู้หญิง หรือผู้ชายก็เถอะ ถ้าไม่มีเรื่องราวประกอบเห็นทีเราจะจำศัพท์ไม่ได้
เรียนศัพท์ต้องรู้เรื่องเบื้องหลังจะจำแม่นขอรับ

เรียนภาษาอังกฤษต้องมีจินตนาการครับ เราจะรุดหน้าเพราะคิดต่าง ทำต่างครับ
 ฝากแนะนำเว็บ feelthai.blogspot.com และในเฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/marnpinbook ต่อให้คนรู้จักด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง แต่ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามภาษาอังกฤา หรือแก้ปัญหาการบ้านภาษาอังกฤษนะครับ
 © สงวนลิขสิทธิ์ มารพิณ (English for learners - blog)